ถ้าให้เรานึกถึงเมืองสุรินทร์ ร้อยทั้งร้อยก็ต้องนึกถึงช้างเป็นอันดับแรกอย่างแน่นอน เพราะจังหวัดทางภาคอีสานตอนใต้แห่งนี้โด่งดังเรื่องช้างเป็นอย่างมาก ใครที่แวะเวียนมาก็จะตรงดิ่งไปดูช้างกันแทบจะทุกคน
แต่รู้ไหมว่าเมืองน่ารักแห่งนี้ยังมีของดีที่มองข้ามไม่ได้อีกอย่าง นั่นก็คือผ้าไหมนั่นเอง วันนี้เราเลยจะพาไปลองท่องเที่ยววิถีใหม่ ๆ ในสุรินทร์ ไปซึมซับวิถีแห่งผ้าไหมกันแบบเต็ม ๆ และนี่คือวิธีเที่ยววิถีผ้าไหมแบบชิค ๆ ที่เราขอแนะนำ รับรองว่าสนุกกันได้ทั้งครอบครัว
ในคราวนี้จุดหมายหลักของเราจะอยู่ที่ ชุมชนสวาย ชุมชนที่มีการสืบทอดภูมิปัญญาการทอผ้าด้วยวิธีครูพักลักจำจากรุ่นสู่รุ่น ตั้งแต่สมัยโบราณ เด็กหญิงของทุกบ้านจะทอผ้าใช้เอง เมื่อชำนาญก็จะสามารถทำลวดลายยาก ๆ ได้เป็นอย่างดี ไม่เพียงแค่เด็กหญิงเท่านั้น ทุกวันนี้เด็กชายที่มีความสนใจก็สามารถฝึกหัดได้เช่นกัน
ปัจจุบันบ้านสวายได้กลายเป็นชุมชนทอผ้าที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของจังหวัดสุรินทร์ มีการจัดการบริหารที่ดีตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ พัฒนาและแปรรูปผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ตลาดคนซื้อ จึงกลายเป็นชุมชนเข้มแข็งที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดแห่งนี้
พร้อมแล้วตามเราไปที่บ้านสวายกันเถอะ
1 ลองให้อาหารหนอนไหม ด้วยใบหม่อน
พูดถึงหนอน หลาย ๆ คนอาจจะเบะปากไม่ชอบ แต่เจ้าหนอนไหมพวกนี้แหละที่เป็นต้นกำเนิดของผ้าทอสุดสวยที่วงการเสื้อผ้าชั้นนำระดับโลกใช้กันอยู่ ที่ชุมชนจะมีการปลูกหม่อนหรือถ้าเรียกภาษาอังกฤษให้ดูเก๋ ๆ ก็คือ Mulberry นั่นเอง เจ้าต้นหม่อนนี่แหละที่นอกจากจะมีลูกที่แสนอร่อยเปรี้ยวอมหวานแล้ว ใบมันก็ยังเป็นอาหารชั้นดีของตัวหนอนไหมอีกด้วย
ที่ชุมชนสวาย เราจะได้ลองเก็บใบหม่อนเพื่อนำมาสับละเอียดและให้อาหารตัวไหมดู ซึ่งไหมพวกนี้เราต้องให้อาหารเค้าแตกต่างกันตามอายุด้วยนะ ตั้งแต่ Level 1-5 ยิ่งโตขึ้นเค้าก็ยิ่งกินอาหารชิ้นใหญ่ได้มากขึ้น และสุดท้ายเค้าก็จะโตเต็มที่ถึงวัยที่จะพ่นใยออกมาทำดักแด้ วัตถุดิบหลักของการทำเส้นไหมนั่นเอง
นอกจากนั้นที่นี่ยังมีการทอเส้นไหมแบบโบราณให้ลองสนุกกันด้วย เด็ก ๆ สามารถที่จะทดลองขั้นตอนจากทำเส้นไหมต่าง ๆ กันตั้งแต่ขั้นต้มดักแด้กันเลยทีเดียว โดยวิธีการทำคือ นำไหมสดไปอบให้แห้ง จากนั้นนำไปต้มในน้ำที่สะอาดที่มีคุณสมบัติเป็นกลาง รังไหมจะเริ่มพองตัวออก ใช้ปลายไม้เกี่ยวเส้นใยออกมารวมกันหลายๆเส้น จากนั้นจุงทำการสาวไหม
กระซิบนิดนึงว่า ตัวไหมที่ต้มมาใหม่ ๆ เค้าไม่ทิ้งกันนะ เอามาจิ้มเกลือกินอร่อยเลยเชียวล่ะ
2 ย้อมสีจากธรรมชาติ
กิจกรรมที่สนุกกันได้ทั้งครอบครัวแบบง่าย ๆ ปนเลอะนิดหน่อยก็คือกิจกรรมย้อมสีผ้านี่เอง ที่นี่เค้าใช้สีย้อมจากธรรมชาติล้วน ๆ เลยนะ เช่นสีเหลืองจากเข สีแดงจากครั่ง ที่นี่เค้าให้เรียนรู้ตั้งแต่วิธีพับผ้าเป็นลาย การผสมสี การย้อมสี โดยเด็ก ๆ จะสนุกเป็นพิเศษเหมือนเราได้เล่นสีเลย สนุกแถมไม่เป็นอันตรายอีกด้วยนะ เพราะทุกอย่างทำจากธรรมชาติไร้สารเคมีใด ๆ
3 ทดลองทำผ้าไหมเส้นยืน
กรรมวิธีทำเส้นไหมยืนที่สืบทอดกันมาแต่โบราณของชาวสวาย โดยวิธีการทำนั้นให้นำไจเส้นไหมยืนมาสวมใส่เข้ากงเพื่อกรอเส้นไหมเข้าอัก นำอักที่กรอเส้นไหมแล้วไปทำการค้นเครือเส้นยืน หรือที่เรียกว่า การเดินเส้นยืน
การเดินเส้นยืนนี่เองที่เราจะได้เข้าร่วมกิจกรรมลองทำกัน โfยใช้พื้นที่ความยาวกว่า 10 เมตรเลยทีเดียว จะต้องละเอียดในการม้วนเส้นมาก ๆ ไม่อย่างนั้นเส้นจะพันกันเสียหมด
นำเครือเส้นยืนที่ค้นเสร็จเรียบร้อยแล้วไปทำการสืบหูกหรือการต่อเส้นยืนกับฟืมทอผ้าที่ได้เตรียมไว้
จากนั้นจะเป็นอีกขั้นตอนที่ยากมากคือการต่อเส้นยืน นำเส้นไหมเส้นยืนมาผูกต่อกับเส้นด้ายในซี่ฟันหวีโดยทำการต่อที่ละเส้นจนหมดจำนวนเส้นยืน เช่น หากหน้ากว้างของผ้าเท่ากับ 22 หลบ ก็จะต้องทำการต่อเส้นยืนเท่ากับ 1,760 เส้น แค่คิดก็เหนื่อยแทนแล้ว
เมื่อต่อเส้นไหมเข้ากับเส้นด้ายที่อยู่ในซี่ฟันหวี่เรียบร้อยแล้ว ก็ให้ทำการม้วนเส้นยืนด้วยแผ่นไม้ในกรณีที่เดินเส้นยืนไว้ยาว แต่หากเส้นยืนที่เดินไว้ไม่ยาวมากก็ให้นำไปขึ้นกี่ทอผ้าได้เลย แล้วทำการจัดเรียงระเบียบของเส้นไหมตามช่องฟันฟืมให้เป็นระเบียบของเส้นไหมตามช่องฟันฟืม ทำการขึงตึงเส้นไหมด้วยไม้ม้วนผ้าที่ติดอยู่กับกี่ทอผ้า แล้วค่อยๆผลักฟืมพร้อมตะกอออกจากรอยต่อของเส้นไหมกับเส้นด้าย
4 กระตุกไหมพร้อมชมแหล่งผลิตผ้าไหมจากละครนาคี
ปัจจุบันเนื่องจากความต้องการผ้าไหมมีสูงมากขึ้น แถมด้วยผลพวงจากละครชื่อดังต่าง ๆ ที่นิยมใช้ผ้าไหมไปตัดเป็นชุดของตัวละคร โดยเฉพาะละครย้อนยุค การทำไหมแบบเดิม ๆ จึงอาจจะไม่ทันต่อความต้องการของตลาด ชาวบ้านจึงมีการพัฒนาวิธีการทำผ้าไหมให้รวดเร็วขึ้น เป็นอุสาหกรรมมากขึ้นนั่นเอง
ที่นี่เราสามารถชมกรรมวิธีการผลิตผ้าไหมสมัยใหม่ได้ โดยมีคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ รวมถึงสามารถทดลองทำการกระตุกผ้า และการตากไหม อีกด้วย
5 ทดลองทำและชิมอาหารของวัตถุดิบรอบหมู่บ้าน
หลังจากชมกรรมวิธีทำผ้าไหมมาทั้งหมดจนเต็มอิ่มหัวใจแล้ว ก็ถึงเวลาที่จะอิ่มท้อง ที่นี่เค้ามีที่พักแบบโฮมสเตย์ให้บริการด้วย รวมไปถึงการทำอาหารโดยเก็บวัตถุดิบสด ๆ จากรอบหมู่บ้านมาใส่ในอาหาร ทั้งผัดสด ๆ หลากหลายชนิด ไข่เป็ดจากเล้า นำมาทำอาหารโดยเตาถ่านแบบโบราณ สนุกตั้งแต่ขั้นตอนการเก็บวััตถุดิบไปจนถึงตอนลงมือรับประทานเลยทีเดียว
แถม ชมดอกไม้ เพลาเพลิน ก่อนบินกลับ
หลังจากอิ่มเอมกับการชมและทำผ้าไหมแล้ว ก่อนจะบินกลับจากสนามบินบุรีรัมย์ ขอแนะนำให้แวะที่ เพ ลา เพลิน สวนดอกไม้แห่งใหม่แสนสดใสของแถบนี้
ที่ เพ ลา เพลินนั้น เป็นทั้งโรงแรม ร้านอาหาร สวนน้ำ และสวนดอกไม้ ที่ใหญ่ที่สุดในแถบอีสานใต้เลยทีเดียว โดยทางสวนดอกไม้นั้นจัดแสดงในโรงเรือนจัดแสดงในธีมต่าง ๆ กันไป บานสะพรั่งไปด้วยดอกไม้นานาพรรณตลอดทั้งปีเลย เพราะที่นี่เค้ากำหนดอุณหภูมิโรงเรือนเอาไว้ให้เหมาะสมกับดอกไม้แต่ละชนิด
ใครที่อยากชมดอกไม้สวย ๆ บานสะพรั่งตลอดทั้งปีในบรรยากาศเย็นสบายก็แนะนำให้แวะที่นี่ได้เลย นอกจากสวนดอกไม้สวย ๆ แล้ว ที่นี่ยังมีร้านกาแฟ ร้านอาหาร รวมถึงร้านขายของที่ระลึกสวย ๆ ให้บริการอีกด้วย
เปิดให้บริการทุกวัน วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00 – 17.00 น. และเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00 – 20.00 น.
โทรศัพท์ 044-699 435, 087-797 6425 http://www.playlaploen.com
และนั่นคือวิธีการท่องเที่ยวแนวใหม่ที่เราขอนำเสนอกัน แนะนำให้ลองจองกันไปเที่ยวเป็นครอบครัว นอกจากจะได้ความสนุกสนานแล้ว ยังได้ความรู้ดี ๆ ให้กับเจ้าตัวน้อยอีกด้วยนะ
โดยสามารถติดต่อขอรับการทัวร์โดยชาวบ้านในชุมชนได้ที่ ชุนชมตำบลสวาย จังหวัดสุรินทร์
1. นายสมบัติ อุตมะไหมไทย โทร 084-959- 9747
2. นายก อบต. นายทวีป บุญวร โทร 086-249- 5683
3. อ. อรรคเดช สุพรรณฝ่าย โทร 081-470- 2993
4. นายพจน์ แก้วกมล โทร 081-789- 1511
5.นาย ภิชัยภักดิ์ ยิ้มเป็นยวง โทร 062-264- 2653