ญี่ปุ่นเป็นประเทศยอดนิยมอันดับหนึ่งของชาวไทยไปแล้วในขณะนี้ ในแต่ละวันนักท่องเที่ยวชาวไทยหลั่งไหลไปเที่ยวแดนอาทิตย์อุทัยนี้อย่างไม่ขาดสายและมีแต่จะเพิ่มขึ้นทุกที
และแน่นอนว่าจุดหมายปลายทางที่นิยมที่สุดก็ไม่พ้นเมืองหลวงอย่างโตเกียว หลาย ๆ คนมักจะไปตั้งต้นทริปที่โตเกียวกัน เนื่องจากมีตั๋วเครื่องบินของหลายสายการบิน บินตรงสู่มหานครแห่งนี้ และหลายครั้งก็มีโปรโมชั่นราคาถูกมาให้เลือกซื้ออยู่บ่อย ๆ ทำให้นักเดินทางหลายคนไปโตเกียวซ้ำแล้วซ้ำอีก จนบางคนก็บ่นว่าไปจนไม่รู้จะเที่ยวอะไรแล้ว
แต่รู้ไหมว่าจากโตเกียวมาเพียงแค่ชั่วโมงเดียว เราสามารถค้นพบดินแดนใหม่อีกแห่งหนึ่งที่แตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิงได้ ไม่ว่าจะธรรมชาติที่สวยงาม เมืองที่แสนสงบ หรือวัฒนธรรมต่าง ๆ ที่น่าสนใจ
เส้นทางนั้นคือ TOKYO – GUNMA – NIIGATA
Gunma และ Niigata เป็นจังหวัดที่อยู่ใกล้โตเกียวใช้เวลาเดินทางเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงก็จะถึงเมืองท่องเที่ยวแรกของจังหวัด Gunma แล้ว และในแต่ละจุดท่องเที่ยวก็ใช้เวลาเดินทางไม่มาก เพราะว่ามีรถไฟ Shinkansen ให้บริการตลอดเส้นทางนี้
เส้นทางที่ Travelkanuman แนะนำนั้นจะเริ่มต้นจากโตเกียว เดินทางโดนรถ Shinkansen เชื่อมต่อไปยังเมือง Takasaki – Minakami – Yuzawa – Niigata – Sado
โดยเส้นทางการเดินทางในรูทที่เราแนะนำจะเป็นไปตามรูปนี้
จะเห็นว่านอกจากการเดินทางจาก Niigata ไป Sado ที่ต้องใช้เรือข้ามฟากแล้ว เส้นทางที่เหลือล้วนแต่ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงทั้งสิ้น และมีรถไฟ Shinkansen ให้บริการทุกจุดเลยทีเดียว
ฉะนั้นเรามาดูกันเลยดีกว่าว่า จุดแนะนำแต่ละจุดนั้นมีอะไรน่าสนใจบ้าง รับรองเลยว่า ได้ประสบการณ์ครบรสอย่างแน่นอน
เอาล่ะ !! เรามาเริ่มต้นเส้นทางสุดพิเศษของเรากันเลย
การเดินทาง : Shinkansen จากสถานีโตเกียว ใช้เวลา 50 นาที
การเดินทางภายในเมือง : รถบัส
Takasaki เป็นเมืองหน้าด่านสู่จังหวัด Gunma เลยก็ว่าได้ เพราะถ้าเดินทางจาก Tokyo ก็จะถึง Takasaki ก่อน นอกจากนี้ยังถือเป็นศูนย์รวมของการเดินทาง ทั้งรถไฟ รถบัสไปเมืองข้าง ๆ หรือสถานที่ท่องเที่ยวอื่น ๆ ก็สามารถใช้บริการไดจากบริเวณสถานีรถไฟทั้งสิ้น โดยจุดเด่นมากที่สุดของเมืองนี้ก็คือตุ๊กตา Daruma นั่นเอง
ตุ๊กตา Daruma นั้นเป็นตุ๊กตาทรงกลม ไม่มีแขนและขา ใบหน้าเขียนเลียนแบบปรมาจารย์ตั๊กม้อ หรือพระโพธิธรรม คือมีหนวดเคราและหน้าตาเคร่งขรึม ลวดลายบนใบหน้าตุ๊กตานั้นมีการเขียนต่างกันไปแล้วแต่สถานที่ โดยโรงงาน Daruma no Sato Daimon ya ที่เราไปเยี่ยมชมนั้น ส่วนหนวดเครานั้นแสดงถึงเต่า ส่วนขนคิ้วนั้นจะแสดงถึงนกกระเรียน เราจะขอพรกับ Daruma โดยการเขียนตาดำข้างหนึ่งพร้อมกับทำการขอพร และนำเอาตุ๊กตาไปตั้งบูชาไว้บนหิ้ง และเมื่อพรสมหวังก็นำมาเขียนตาอีกข้างหนึ่ง และนำตุ๊กตาที่ขอพรสำเร็จนั้นไปไว้ที่วัด
สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ใน Takasaki จึงมีตุ๊กตา Daruma ขายเกือบทุกที่ เช่น ข้าวกล่องดารุมะ เสื้อดารุมะ พวงกุญแจดารุมะ และอื่น ๆ อีกมากมาย ในปัจจุบันตุ๊กตา Daruma มากกว่า 80% ทั่วประเทศผลิตมาจากที่เมืองนี้ นอกจากนี้ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวหลาย ๆ แห่งที่มีความเชื่อมโยงกับ Daruma ด้วย โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจภายในเมืองก็มีดังนี้
เบียคคุอิ ไดคันนง
ค่าเข้าชมในองค์พระ : 300 เยน
การเดินทาง : รถบัสจากสถานีลงป้าย 白衣観音前 (Bya-kui kan-non mae)
เจ้าแม่กวนอิมของเมือง Takasaki สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปีโชววะที่ 11 (ค.ศ.1936) ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเลยก็ว่าได้ มีความสูงที่จุดชมวิวถึงกว่า 41.8 เมตร โดยสามารถซื้อตั๋วเพื่อขึ้นบันไดภายในองค์พระขึ้นไปบริเวณไหล่และสามารถชมวิวอันแสนสวยงามของเมืองได้
นอกจากนี้บริเวณรอบ ๆ ยังมีต้นซากุระมากมายซึ่งจะพร้อมใจกันบานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ
ศาลเจ้า Daruma (โชรินซัง ดารุมะจิ)
ค่าเข้าชม : ฟรี
ศาลเจ้าที่เป็นต้นกำเนิดของตุ๊กตา Daruma เป็นศาลเจ้าที่ผูกพันธ์กับชาวเมือง Takasaki มาอย่างช้านาน โดยในวันที่6และ7 เดือนมกราคมของทุกๆปี จะมีผู้คนกว่าสองแสนคนเข้าร่วมนมัสการขอพร ณ.วัดแห่งนี้
โรงงานผลิตดารุมะ (Daruma no Sato Daimon ya)
ค่าเข้าชม : ฟรี
อย่างที่บอกว่าตุ๊กตา Daruma ส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นผลิตจากที่เมืองนี้ ทำให้มีโรงงานผลิตตุ๊กตา Daruma อยู่หลายสิบแห่งทีเดียว และโรงงานที่มีชื่อเสียงที่สุดก็ไม่พ้น Daruma no Sato Daimon ya นี่เอง โดยโรงงานแห่งนี้มีท่านปรมาจารย์ทางด้านการทำตุ๊กตา Daruma อยู่นั่นคือท่านอาจารย์ Jun-ichi Nakata ที่ปัจจุบันก็ยังคงผลิตผลงานอันสวยงามอยู่
ฮารุนะ จินจะ
ค่าเข้าชม : ฟรี
การเดินทาง : รถบัสจากหน้าสถานี Takasaki West Exit ป้ายหมายเลข 2 ค่าโดยสาร 1,100 เยน
ศาลเจ้าที่มีบรรยากาศน่าเคารพและสงบอย่างที่สุด ระหว่างทางจากบริเวณทางเข้าไปที่ศาลเจ้านั้น รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันน่าทึ่งตลอดเส้นทาง ทั้งต้นไม้นานาพรรณ น้ำตกใสไหลเย็น บรรยากาศน่าเดินเป็นที่สุด ที่ศาลเจ้าแห่งนี้ยังถือว่าเป็นจุดที่มีพลังด้านบวกรวมกันอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้ไปเยือนทุกคนรู้สึกสดชื่นและเหมือนได้รับพลังดี ๆ ทุกครั้งที่มาเยือน
การเดินทาง : Shinkansen จากสถานีTakasaki ใช้เวลา 15 นาที
การเดินทางภายในเมือง : รถบัส , แท้กซี่
เมืองที่มีธรรมชาติสวยงามทั้งลำธารสวยใส ภูเขาอันแสนงดงาม และต้นไม้ใบหญ้าที่ยังคงอุดมสมบูรณ์จนไม่น่าเชื่อว่าอยู่ห่างจากมหานครโตเกียวที่แออัดมาแค่ชั่วโมงเดียว
แน่นอนว่าที่ท่องเที่ยวเด่น ๆ ของเมืองนี้ก็ไม่พ้นที่เที่ยวทางธรรมชาติต่าง ๆ รวมทั้งบ่อน้ำพุร้อนชื่อดังนั่นเอง
ก่อนอื่นเรามาดูแผนที่และการเดินทางในเมืองกันดีกว่า เพราะ Minakami มีสถานีรถเร็ว Shinkansen อยู่ นั่นคือ Jomo-kogen แต่แหล่งท่องเที่ยวบางที่ก็ไม่ได้อยู่ติดกับ Shinkansen ทำให้การใช้บริการรถบัสหรือแท็กซี่สะดวกสบายกว่ากันมาก เราสามารถเรียกแท็กซี่ได้อย่างง่ายดายโดยโทรเรียกจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวของเมืองที่อยู่ติดสถานี Jomo-Kogen นั่นเอง
Takaragawa Onsen
ค่าบริการ : 1,500 เยน
การเดินทาง : รถบัสของโรงแรมจากหน้าสถานี MINAKAMI
web site :http://www.takaragawa.com/english.html
Onsen ธรรมชาติที่มีจุดขายที่การแช่น้ำท่ามกลางธรรมชาติที่แสนสวยงาม โดยเฉพาะในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีที่จะสวยงามมากที่สุด ท่ามกลางบรรยากาศที่ถูกปกคลุมไปด้วยสีแดงมีแม่น้ำสายเล็ก ๆ ไหลพาดผ่าน เสียงน้ำตกดังเป็นระยะ ๆ ยิ่งช่วยเพิ่มความรื่นรวมย์ใจให้ทุก ๆ คนที่มาเยือน
ที่สำคัญถึงไม่ได้พักที่โรงแรม Osenkaku ซึ่งเป็นโรงแรมเดียวในบริเวณนี้ ก็ยังสามารถลงแช่บ่อสุดสวยนี้ได้โดยจ่ายค่าบริการเล็กน้อยเท่านั้น และที่นี่ยังมีบ่อ Onsen รวมชายหญิง ให้บริการด้วย โดยสามารถนุ่งผ้าขนหนูที่มีให้บริการไว้ลงไปแช่ได้ด้วย
Takumi no Sato
ค่าบริการ : แล้วแต่กิจกรรม
การเดินทาง : รถบัสจากสถานี Jomo-Kogen
หมู่บ้านวัฒนธรรมที่เราสามารถไปมีส่วนร่วมได้ทุก ๆ กิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นทำโซบะ วาดรูป ทำกระดิ่ง ทำบุก หรืออื่น ๆ อีกมากมาย ล้วนเปิดให้บริการและสอนโดยอาจารย์ผู้ชำนาญการทั้งสิ้น เข้าไปแล้วรับรองว่าจะซึมซับวัฒนธรรมญี่ปุ่นได้เข้าเส้นเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีจักรยานให้เช่าขี่เล่นในบริเวณอีกด้วย
Tanigawadake (Tanigawa Ropeway)
ค่าบริการ : ค่ากระเช้า ไปกลับ 2060 เยน
การเดินทาง : รถบัสจากสถานี Minakami 20นาที 670 เยน หรือเดินจากสถานี Doai ประมาณ 15 นาที
ภูเขา Tanigawa ถือเป็นหนึ่งในภูเขาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในญี่ปุ่น สูงกว่า 1977 เมตร มีกิจกรรมตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นการปีนเขาในฤดูร้อน การนั่งกระเช้าชมใบไม้แดงในฤดูใบไม้ร่วง หรือการเล่นสกีในฤดูหนาว โดยมีกระเช้าให้บริการถึงยอดเขา ใครมาในฤดูใบไม้ร่วงต้องไม่พลาดการขึ้นกระเช้าชมสีแดงเลยทีเดียว
DOLE LAND
ค่าบริการ : แล้วแต่กิจกรรม
การเดินทาง : รถบัสจากสถานี Jomo-Kogen หรือเช่ารถขับ
สวนผลไม้ที่มีกิจกรรมมากมาย ไล่มาตั้งแต่การเก็บผลไม้หลากหลายตามฤดูกาล ทั้งแอปเปิ้ล สตอเบอรี่ สาลี่ เชอรี่ เบอรี่ มีให้เลือกเก็บตลอดทั้งปี หรือจะมานั่งทาน BBQ ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติก็สามารถทำได้ไม่เคอะเขิน
MINAKAMI KAN
ค่าบริการ : เริ่มต้นที่ 13,800 เยน / คน รวมอาหาร 2 มื้อ
การเดินทาง : เดินจากสถานี Minakami
web site : http://www.minakamikan.com/english/
โรงแรมทำเลดีใกล้สถานี Monakami แค่ไม่กี่ร้อยเมตรเท่านั้น เป็นโรงแรมใหญ่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครับ มีบ่อ Onsen นับสิบบ่อให้บริการ เหมาะสำหรับมาพักผ่อนกับครอบครัว และใช้เป็น HUB สำหรับเดินทางเที่ยวภายในเมือง Minakami
การเดินทาง : Shinkansen จากสถานี JOMO-KOGEN ใช้เวลา 12 นาที
การเดินทางภายในเมือง : รถบัส , แท้กซี่
เมือง YUZAWA เป็นเมืองในเขตจังหวัด Niigata ที่ขึ้นชื่อมาอย่างช้านานในฐานะเมืองแห่งสกีที่ใกล้โตเกียวเอามาก ๆ เพราะเดินทางมาแค่ชั่วโมงนิด ๆ ก็สามารถสัมผัสกับโลกของหิมะฤดูหนาวได้อย่างเต็มอิ่มแล้ว
นอกจากนี้ด้วยภูมิทัศน์ที่สวยงามทุกฤดู ทำให้บางช่วงเวลาที่มองสองข้างทางระหว่างรถวิ่งนั้นเผลอนึกว่าอยู่ในเมืองอย่างสวิสเซอร์แลนด์เลยทีเดียว
เรามาดูกันว่าเมืองหิมะแห่งนี้มีอะไรน่าสนใจบ้างในฤดูกาลอื่น ๆ ที่ไม่มีหิมะ
Naeba Dragondola
ค่าบริการ : กระเช้า ไป – กลับ 2,200 เยน
การเดินทาง : รถบัสจากสถานี Echigo-Yuzawa ช่องบัสเบอร์ 1
กระเช้าที่เคยได้รับฉายาว่ากระเช้าที่มีความยาวมากที่สุดในโลก ใช้เวลาเดินทางถึงยอดเขาราว 20 นาที ซึ่งแน่นอนว่าจะเป็น 20 นาทีที่ตื่นตาตื่นใจเป็นที่สุด ไม่ว่าจะเป็นสีแดงสดในฤดูใบไม้ร่วง สีขาวสงบในฤดูหนาว หรือสีเขียวชุ่มฉ่ำในฤดูร้อน
บนยอดเขายังมีร้านอาหาร ร้านกาแฟให้นั่งชิลชมบรรยากาศอันแสนสดชื่นกันอีกด้วย
สถานีรถไฟ Echigo – Yuzawa
สถานีรถไฟก็เป็นที่เที่ยวได้ด้วยเหรอ ? ขอบอกว่าได้อย่างเกินพอเลยทีเดียว เพราะในสถานีรถไฟ Echigo – Yuzawa นั้นเพียบพร้อมไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านเหล้า หรือแม้แต่บ่อน้ำร้อนให้แช่ !!! เป็นหนึ่งในสถานีที่ครบวงจรที่ควรค่าแก่การแวะชมจริง ๆ ลองหาเวลาว่าง ๆ ซัก 1-2 ชั่วโมงสำรวจในสถานีดู แล้วบางทีคุณอาจจะเพลินจนไม่อยากออกจากสถานีก็เป็นได้
Workshop Daigenta
การเดินทาง : รถบัสจากสถานี Echigo-Yuzawa สาย Daigenta canyon line
จะทำดังโงะ จะทำโซบะ หรือคอนยัคคุ มิโซะ ที่นี่ก็มีสอนทั้งนั้น มาลองสัมผัสการทำอาหารพื้นถิ่นอันน่าสนุกกันได้ แถมทำเสร็จแล้ว เรายังได้ทานของที่เราทำเองด้วยนะ ส่วนของแถมก็คือ วิวอันแสนสวยงามของพื้นที่โดยรอบนั่นเอง มองออกไปทางไหนก็สวยไปซะหมด
THE SNOW COUNTRY MUSEUM
ค่าบริการ : 500เยน
การเดินทาง : เดินจากสถานี Echigo-Yuzawa มาที่โรงแรม Takahan Ryokan
พิพิธภัณฑ์ที่เก็บรวบรวมของนักกวีผู้ทรงคุณค่า Yasunari Kawabata ผู้แต่งนวนิยายชื่อดัง The snow country ที่เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก นอกจากผลงานต่าง ๆ ของท่านที่เก็บรักษาไว้อย่างดีแล้ว ยังมีห้องที่ท่านใช้พักผ่อนระหว่างแต่งนวนิยายเก็บรักษาไว้อย่างดีในสภาพเดิมอีกด้วย
ถ้าอยากได้อารมณ์และซึมซับเต็มที่ก็แนะนำให้พักที่โรงแรม Takahan Ryokan เลย เพราะตัวพิพิธภัณฑ์นั้นตั้งอยู่ในโรงแรมนี่เอง
การเดินทาง : Shinkansen จากสถานี Echigo – Yuzawa ใช้เวลา 48 นาที
การเดินทางภายในเมือง : รถบัส , แท้กซี่
เรียกว่าเป็นเมืองหลวงของแถบนี้ก็ไม่ผิดนัก Niigata city มีทุกอย่างที่เมืองใหญ่ควรจะมี ทั้งห้างร้อนให้ช็อปปิ้ง การเดินทางที่สะดวก สนามบินประจำจังหวัด หรือย่านร้านอาหารอร่อย ๆ ทำให้เหมาะจะเป็นจุดแวะพักเดินเล่นสัมผัสบรรยากาศเมือง หลังจากไปผจญภัยท่ามกลางธรรมชาติมาหลายวัน นอกจากนี้ยังเป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญไปยังเกาะ SADO อีกด้วย โดยสถานที่น่าสนใจในตัวเมือง Niigata มีดังนี้
โรงงานสาเก Imayo-Tsukasa Sake Brewery
ค่าบริการ : ฟรี โดยจองผ่าน e-mail( [email protected] ) หรือโทรศัพท์ (025-245-3231)
การเดินทาง : เดินจากสถานี Niigata 17 นาที
เนื่องจากมีข้าวสายพันธุ์ดี และน้ำในพื้นที่ก็ยังเป็นน้ำคุณภาพดี ประกอบกับสภาพอากาศที่เหมาะสม ทำให้ Niigata ถือเป็นเมืองที่ผลิตสาเกได้ดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ทำให้มีโรงงานสาเกมากมายหลายแห่งในพื้นที่ตัวเมือง และ Imayo-Tsukasa Sake Brewery ก็เป็นหนึ่งในโรงงานสาเกที่ดีที่สุดในเมือง โดยก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 1767 หรือ มากกว่า 200ปีมาแล้ว
เราสามารถจองคิวเพื่อเข้าไปดูกระบวนการผลิตที่น่าสนใจได้โดยไม่เสียค่าบริการอีกด้วย
ร้านอาหารหลากหลาย
Niigata ถือว่าเป้นเมืองที่มีอาหารอุดมสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น เนื่องจากมีทั้งอาหารทะเลสด ๆ จากทะเลญี่ปุ่น และมีแม่น้ำลำคลองที่ใสสะอาดทำให้มีปลาแม่น้ำสด ๆ อร่อย ๆ มากมาย ย่านร้านอาหารในเมืองจึงคึกคักตลอดเวลาไม่ว่าจะกลางวันหรือกลางคืน ความสนุกอย่างหนึ่งของการมาเยือนที่นี่ก็คือการหาร้านอาหารอร่อย ๆ ทาน และแน่นอนว่าร้านเดียวก็ไม่เคยพอ ต้องไปต่อ 2-3 ร้านถึงจะครบสูตรแบบชาว Niigata
ย่านที่นิยมไปหาร้านอร่อยก็ได้แก่ย่านสถานีรถไฟนั่นเอง
NORTHERN CULTURE MUSEUM
การเดินทาง : รถบัสจากสถานี Niigata
คฤหาสน์ของตระกูล ITO ที่มั่งคั่งและกว้างขวางในบริเวณพื้นที่นี้ ได้ถูกอนุรักษ์ไว้อย่างดี คงร่องรอยต่าง ๆ ทางประวัติศาสตร์ไว้อย่างครบถ้วน ทั้งสถาปัตยกรรมที่แสนงดงามและสวนสวยที่แสนสงบ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานกี่ร้อยปี รอบข้างจะเป็นเช่นไร แต่ในบริเวณพื้นที่นี้ ผู้มาเยือนก็ยังคงรู้สึกเหมือนอยู่ในอดีตอยู่
พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีอยู่ 2 ที่ด้วยกัน โดยคฤหาสน์ใหญ่อยู่นอกเมือง ต้องเดินทางไปจากสถานี Niigata ราว 20 นาที ส่วนอีกแห่งนั้นอยู่ในบริเวณตัวเมือง Niigata เลย ใช้เวลาเดินทางไม่กี่นาทีโดยรถบัส
คฤหาสน์ตากอากาศของตระกูลไซโต้
การเดินทาง : รถบัสจากสถานี Niigata
คฤหาสน์เก่าแก่ของตระกูลไซโต้ 1 ใน 3 ตระกูลใหญ่ที่มีอิทธิพลอย่างมากในจังหวัด Niigata ในยุคที่เศรษฐกิจในเมืองรุ่งเรืองอย่างที่สุด คฤหาสน์แห่งนี้จึงถูกสร้างขึ้นในปี 1918 เพื่อใช้เป้นบ้านพักตากอากาศ มีชื่อเสียงโด่งดังมากในเรื่องสวนที่สวยงาม พิธีพิถันใช้เวลาก่อสร้างนานหลายปี
นอกจากนี้เรายังสามารถชมการแสดงของ Geigi หรือที่เราคุ้นเคยในชื่อ Geisha ในแถบเกียวโตได้อีกด้วย โดยสามารถติดต่อจองรอบการแสดงได้กับทางพิพิธภัณฑ์เลย
การเดินทาง : เรือจากท่าเรือในตัวเมือง Niigata ราว 60 นาที ลงที่ท่าเรือ RYOTSU บนเกาะ SADO
การเดินทางภายในเมือง : รถบัส , แท้กซี่ , เช่ารถขับ
เกาะ SADO เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นอย่างมาก มีวัฒนธรรมประเพณีเป็นของตัวเอง มีสภาพภูมิประเทศไม่เหมือนที่อื่น ๆ ในญี่ปุ่น สัตว์ต่าง ๆหลายชนิดก็แตกต่างและหาชมยาก นอกจากนี้ครั้งหนึ่งยังเคยเป็นเกาะที่สามารถขุดหาแร่ทองคำได้อีกด้วย ฉะนั้นเราจะเรียกเกาะ SADO ว่าเป็นเกาะมหาสมบัติก็ไม่ได้ผิดแต่ประการใด
เนื่องจากเกาะอยู่ห่างจากฝั่งแผ่นดินใหญ่ออกไปราว 60 นาที ทำให้การเดินทางบนเกาะนั้นต้องใช้รถบัสสาธารณะหรือการเช่ารถขับเป็นหลัก เราขอแนะนำให้เช่ารถขับ จะได้อรรถรสของการเดินทางมากกว่าและสามารถเดินทางท่องเที่ยวแวะพักได้หลายจุดอีกด้วย
เรามาดูกันว่าบนเกาะมหาสมบัติแห่งนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง
SADO KINZAN GOLD MINE
ค่าบริการ : 900 -2400 เยน แล้วแต่คอร์ส
การเดินทาง : ขับรถจากท่าเรือ RYOTSU 40 นาที
ในอดีต SADO เป็นเกาะที่มีแร่ทองคำอยู่เป็นจำนวนมาก ทำให้มีการทำเหมืองทองขึ้นมาอย่างจริงจังในสมัยเอโดะ โดยสัมปทานเหมืองทองนี้เป็นของ Tokugawa Shogunate
ในปัจจุบันแร่ทองคำบนเกาะลดน้อยไปอย่างมากจนคำนวนแล้วว่าไม่คุ้มค่าที่จะทำเหมืองต่อ บริเวณเหมืองทองเก่าจึงได้แปรสภาพเป็นพิพิธภัณฑ์เปิดให้เข้าชมกรรมวิธีการผลิตทองคำทุกขั้นตอน ผ่านหุ่นและการจัดฉากที่สมจริงและสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ
นอกจากนี้ยังมีส่วนจัดแสดงแบบจำลองวิถีชีวิตของชาวบ้านและแรงงานที่ทำงานและอยู่อาศัยในสมัยที่การขุดทองยังเฟื่องฟูอีกด้วย
Nishimikawa Gold Park
ค่าบริการ : 600 เยน
การเดินทาง : ขับรถจากท่าเรือ RYOTSU 50 นาที
สถานที่ที่เราจะได้สัมผัสประสบการณ์การร่อนทองที่ผู้คนแถวนี้ทำกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยมีผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำ และที่พิเศษคือทองที่เราร่อนได้นั้น เขาให้เราเก็บกลับไปเป็นที่ระลึกอีกด้วย
Shukunegi Village และเรือ taraibune
การเดินทาง : ขับรถจากท่าเรือ RYOTSU ประมาณ 1 ชั่วโมง
เรือรูปทรงอ่างหรือถังที่ดูทีไรก็อดประหลาดใจในความไม่เหมือนใครไม่ได้นี้เป็นเรือที่ชาวประมงในเกาะ SADO ใช้ออกหาปลามาอย่างช้านานแล้ว ด้วยรูปทรงที่แปลกตาและวิธีการพายที่เป้นเอกลักษณ์ทำให้เรือ Taraibune โด่งดังและเป็นที่รู้จักในโลกกว้างอย่างไม่ยากเย็นนัก และหมู่บ้านที่ต่อเรือนี้มาอย่างยาวนานก็คือ Shukunegi นั่นเอง
หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่สงบเงียบ มีบริเวณติดชายทะเลเห็นวิวสวยงาม และสามารถพบเห็นเรือ Taraibune ได้ตามชายฝั่ง
ถ้าอยากลองนั่งเรือ Taraibune สามารถหาได้จากจุดให้บริการหลาย ๆ จุดรอบเกาะ รอบหนึ่งประมาณ 15 นาที แถมบางทีเราจะได้ลองบังคับเรือด้วยตัวเองด้วยนะ
Sado Island Taiko Center
ค่าบริการ : 2000 เยน สำหรับ 1 คอร์ส
การเดินทาง : ขับรถจากท่าเรือ RYOTSU 60 นาที
เวลาทำการ : 9.00-17.00
ประสบการณ์การตีกลองไทโกะที่ยากจะหาใครเสมอเหมือน มาลองตีกลองหลากหลายชนิดโดยสัมผัสไปถึงแก่นของการตี กับผู้ฝึกสอนอารมณ์ดีที่ทำให้เราสนุกสนานไปกับการฝึกตีกลองอย่างสุดซึ้งเลยทีเดียว แนะนำให้จองก่อนที่เบอร์ 0259-86-2320
จริง ๆ แล้วบนเส้นทาง TAKASAKI – MINAKAMI – YUZAWA – NIIGATA – SADO ยังมีอะไรที่น่าตื่นตาตื่นใจและน่าค้นหาอยู่อีกมากมายเลยทีเดียวในแต่ละฤดูกาล ฉะนั้นไปแค่ครั้งเดียวอาจจะไม่พอสำหรับเส้นทางนี้ เพราะทริปที่เราไปเยือนนี้เป็นแค่ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น ยังมีหิมะในฤดูหนาว กิจกรรมในฤดูร้อน และซากุระกับทุ่งดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิให้สัมผัสกันอีก ต้องลองไปเยือน แล้วคุณจะรักเส้นทางนี้อย่างแน่นอน
