เวลาผ่านไปเร็วกว่าที่เราคิดเสมอ แค่เพียงไม่นานในความรู้สึกก็เริ่มย่างเข้าสู่ช่วงปลายปีอีกแล้ว และแน่นอนว่าช่วงใกล้ปลายปี สถานที่ท่องเที่ยวทั่วทั้งซีกโลกทางเหนือเช่นยุโรป ญี่ปุ่น จีน เกาหลี จะย่างเข้าสู่ช่วงที่งดงามและมีสีสันมากที่สุดของปีนั่นก็คือ ช่วงฤดูใบไม้ร่วงนั่นเอง
ช่วงฤดูใบไม้ร่วงปลายปี หลากหลายดินแดนในตอนเหนือของโลกต่างพร้อมใจกันเปลี่ยนสีสันธรรมชาติจากสีเขียวสดใสในฤดูร้อน กลายเป็นสีแดงส้มที่แสนจะน่าตื่นตาตื่นใจ แหล่งท่องเที่ยวมากมายหลายแห่งมีการจัดการชมใบไม้เปลี่ยนสีกันอย่างครึกครื้น ดูราวกับงานเทศกาลย่อม ๆ
และหนึ่งในประเทศที่ได้รับการยอมรับว่ามีใบไม้แดงที่งดงามที่สุดก็คงไม่พ้นญี่ปุ่นนั่นเอง
วันนี้เราจึงขอมาแนะนำ 6 เมืองเด็ดในญี่ปุ่นที่เราคิดว่าควรจะไปเยือนในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีกัน ถ้าพร้อมแล้วตามเรามาดูพร้อม ๆ กันเลย
ชมแล้วรีบไปจองตั๋วเครื่องบินญี่ปุ่นกับ Traveloka กันเลย เค้ามีสายการบินหลากหลายครอบคลุมทั่วโลก แถมมี call center ให้บริการตอบรับ 24 ชม เผื่อมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น จองให้ได้ราคาดี ๆ แล้วเหลือเงินไปเที่ยวเยอะ ๆ คุ้ม ๆ กัน
จองตั๋วเครื่องบินญี่ปุ่น กับTraveloka
KYOTO
แม้จะโดนค่อนขอดเสมอว่าเกียวโตนั้นเป็นเมืองใหญ่ไปแล้วไม่ใช่เมืองเก่าแบบที่ใครคิดกัน แต่ในหลาย ๆ มุมนั้น เกียวโตยังคงเสน่ห์ของความเป็นญีปุ่นอย่างชัดเจนและแข็งแกร่ง
สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นและมีเอกลักษณ์ช่วยขับให้สีแดงสดของใบไม้ในยามร่วงโรยงดงามขึ้นอีกหลายเท่า ภาพของวัดหลายสิบแห่งในเกียวโตพร้อมกับใบไม้สีแดงเพลิงช่วงเดือนพฤศจิกายนจึงเป็นภาพจดจำของผู้คนทั่วโลกไปอย่างไม่ยากเย็นนัก
เกียวโต เป็นเมืองหลวงเก่าของประเทศในยุคปี คศ 794 ถึง 1868 มีประชากรกว่า 1.8 ล้านคน และนับเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของประเทศ โดยในบริเวณตัวเมืองและชานเมืองมีวัดน้อยใหญ่ตั้งอยู่รวมกันหลายร้อยแห่ง มากที่สุดในประเทศญี่ปุ่นทีเดียว โดยเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่สอง เกียวโตนั้นรอดพ้นจากการถูกโจมตีทางอากาศมาได้ เนื่องจากถูกเห็นว่าเป็นแหล่งโบราณสถานที่ควรค่าแก่การรักษาเอาไว้ เรียกได้ว่าแม้จะเป็นศัตรูกันในสงครามก็ยังไม่อยากทำลายเมืองอันแสนสวยงามและทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์นี้
จุดชมใบไม้เปลี่ยนกระจายอยู่ทั่วจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นวัดขึ้นชื่อต่าง ๆ อย่างวัดคินคะคุจิหรือวัดทองอันโด่งดัง วัดโทฟุคุจิ(Tofukuji) ที่ว่ากันว่าใบไม้สีแดงงดงามที่สุด อาราชิยามะ แหล่งชมใบไม้เปลี่ยนสีชื่อดัง หรือวัดคิโยมิทซึ ที่คักคักมากที่สุดในเกียวโต
ย่านแถวทางขึ้นวัดคิโยมิทซึนั้นเป็นย่านเมืองเก่าที่แสนคึกคักและน่าเดินที่สุดที่เราเคยไปเยือนมา แค่ได้เดินดูสิ่งของและผู้คนก็สนุกมากแล้ว
NAGANO

Nagano เป็นจังหวัดในภูมิภาค Chubu หรือแถบภาคกลางของประเทศญี่ปุ่น มีเมืองหลวงของจังหวัดในชื่อเดียวกันคือ Nagano ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขาสูง ทำให้มีอากาศหนาวเย็น ฤดูใบไม้ร่วงจึงมาเยือนเร็วกว่าที่อื่นเสียหน่อย ราวต้นเดือนตุลาคมก็เริ่มเปลี่ยนสีกันแล้ว
ที่นี่ถือเป็นจังหวัดที่ค่อนข้างใหญ่มาก มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมายหลายแห่ง โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์เป็นอย่างมาก ทำให้ช่วงฤดูใบไม้ร่วงมีที่ท่องเที่ยวมากมาย
จุดที่อยากจะแนะนำให้ไปชมใบไม้เปลี่ยนสีก็ได้แก่ที่ KARUIZAWA ที่เป็นแหล่งธรรมชาติที่งดงามไม่แพ้ที่ไหนในญี่ปุ่น มีลำธารสวยใสและน้ำตกมากมายหลายแห่ง หรือธรรมชาติที่แปลกตาอย่างอุทยานภูเขาไฟก็มีให้เข้าไปชมความสวยงามกัน โดยน้ำตกที่มีชื่อเสียงก็คือ Shiraito Falls น้ำตกที่มีน้ำไหลลงมา 180 องศาดูสวยงามเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในฤดูใบไม้แดง สีสันจะสวยงามอย่างที่สุด

หรือถ้าใครอยากไปชมใบไม้เปลี่ยนสีในเมืองเล็ก ๆ ก็มีหลายเมืองที่เปิดรับนักท่องเที่ยว ทั้ง Iiyama , Yudanaka , Hakuba , Komoro การเดินทางค่อนข้างสะดวกมาก เพราะรถไฟเข้าถึงทุกเมือง

การเดินทางจากโตเกียวก็ทำได้ไม่ยากเลย เพราะมีรถ Shinkansen ให้บริการจากสถานี Tokyo ใช้เวลาเดินทางถึงเมืองที่ใใกล้ที่สุดอย่าง Karuizawa เพียง 60 กว่านาทีเท่านั้นเอง ส่วนการเดินทางในจังหวัดก็ทำได้ง่าย ๆ โดยทางรถไฟ ทั้งรถไฟด่วน รถไฟท้องถิ่น และรถบัส หรือจะขับรถเที่ยวเองก็ไม่ได้ลำบากแต่อย่างใดเลย
FUKUOKA
เมืองใหญ่แห่งภาคใต้ของแดนอาทิตย์อุทัย ที่นี่ได้รับการยอมรับจากสื่อหลายแห่งทั่วโลกในฐานะเมืองที่น่าอยู่ที่สุดเมืองหนึ่งของโลก เนื่องจากเป็นเมืองใหญ่ที่ไม่ค่อยจะวุ่นวายมากนัก คุณภาพชีวิตอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก มีส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างความเป็นเมืองและธรรมชาติที่แสนงดงามอย่างพอเหมาะพอเจาะ
ที่นี่มีสนามบินของตัวเองคือ Fukuoka airport ทำให้การเดินทางมาที่เมืองนี้สะดวกเป็นอย่างมาก แถมระบบขนส่งมวลชนก็ทำได้ดี แทบจะไม่จำเป็นต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวเลย
ที่นี่มีจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีอยู่หลายจุด ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นพิเศษก็ได้แก่ศาลเจ้าดาไซฟุ ที่มีต้นเมเปิ้ลจำนวนมากขึ้นในบริเวณพื้นที่วัด โดยเฉพาะในบริเวณวัด Komyozenji วัดเล็ก ๆ ที่สร้างขึ้นในสมัยคามาคุระ แม้จะเล็ก แต่ภายในจัดสวยญี่ปุ่นเอาไว้อย่างสวยงาม และจะสวยงามมากที่สุดในช่วงใบไม้เปลี่ยนสีนี่เอง
ถ้าเที่ยวชมในตัวเมืองฟุกุโอกะหมดแล้วยังไม่หนำใจ ก็สามารถขึ้นรถไฟไปดูใบไม้เปลี่ยนสีที่เมืองข้างเคียงอย่าง Yufuin หรือ Bepbu ได้ โดยจะได้บรรยากาศที่เป็นธรรมชาติมากกว่า
AKITA
หนึ่งในดินแดนที่ชาวไทยยังไม่ค่อยได้ไปสัมผัส แต่กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความสวยงามจากธรรมชาติอันแสนอุดมสมบูรณ์นั้นก็คือ AKITA นั่นเอง
AKITA เป็นจังหวัดในภูมิภาค TOHOKU หรือภาคอีสานของญี่ปุ่นนั่นเอง ตั้งอยู่เกือบเหนือสุดของเกาะฮอนชู เกาะใหญ่ของประเทศ มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะจังหวัดที่มีการปลูกข้าวที่มีดีทั้งปริมาณและคุณภาพ และแน่นอนว่าด้วยพื้นที่ธรรมชาติอันแสนอุดมสมบูรณ์ ฤดูใบไม้ร่วงของที่นี่นั้นงดงามอย่าบอกใครเลย
ถ้ามาจากโตเกียวสามารถนั่งรถไฟ SHINKANSEN ( เส้นสีเขียวในภาพ )มาลงได้ที่ AKITA เลย โดยในจังหวัดจะมีสถานี SHINKANSEN ทั้งหมด 4 สถานี คือ TAZAWAKO ( ทะเลสาบ TAZAWA และ นิวโตออนเซน ) , KAKUNODATE ( ย่านซามูไร ) , OMAGARI (ไปดูกระท่อมหิมะ ) และ AKITA (ตัวเมืองอาคิตะ ) โดยจะมีรถไฟท้องถิ่นวิ่งภายในตัวเมือง และเสริมด้วยรถบัสไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ
ห่างจากมหานครโตเกียวไป 3 ชั่วโมงโดยรถไฟด่วน Shinkansen เป็นที่ตั้งของจังหวัด AKITA เมืองที่รายล้อมไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย เราได้ไปเยือนน้ำตกหลายแห่งในจังหวัด ซึ่งก็ถือเป็นโชคที่หลาย ๆ แห่งนั้นตรงกับช่วงที่ใบไม้เปลี่ยนสี ทำให้เพิ่มความงดงามเข้าไปอีก โดยเวลาที่เหมาะสมจะไปชมน้ำตกพร้อมใบไม้เปลี่ยนก็คือราวเดือนตุลาคม การเดินทางส่วนใหญ่จำเป็นต้องขับรถเข้าไปที่น้ำตก แล้วเดินต่ออีกเล็กน้อย
ในพื้นที่ของจังหวัด AKITA มีภูเขาที่สวยงามทุกฤดูอยู่หลายแห่ง และหนึ่งในภูเขาที่เราได้ไปเห็นด้วยสองตาและประทับใจสุด ๆ ก็คือ Mt Chokai นั่นเอง เป็นภูเขาที่ได้ชื่อว่าเป็นฟูจิแห่งทางเหนือเลยทีเดียว ด้วยรูปร่างที่ละท้ายคล้ายฟูจิซังอยู่ไม่น้อย โดยในช่วงฤดูใบไม้ร่วงเข้าฤดูหนาว ยอดของเขา CHOKAI จะมีหิมะปกคลุมเป็นหมวกเหมือนกับฟูจิด้วย
การเที่ยว Mt Chokai ทำได้หลายวิธี ทั้งการปีนเขาในฤดูร้อน หรือการชมจากระยะไกล ซึ่งรอบ ๆ ภูเขาก็มีเส้นทางขับรถเที่ยว ฟาร์มต่าง ๆ จุดชมวิว ร้านกาแฟน่ารัก ๆ ให้บริการอยู่หลายแห่ง จะนั่งจิบกาแฟชมภูเขาไปก็เป็นไอเดียที่ดีไม่หยอก
หุบที่สองที่มีชื่อเสียงไม่แพ้กันคือ OYASU valley แต่เป็นคนละอารมณ์กันเลยทีเดียว หุบเขาโอยาสุ เป็นแหล่งน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงมาก ๆ บริเวณที่โด่งดังมีลักษณะเป็นหน้าผาริมคลอง แต่ที่พิเศษคือน้ำที่ไหลนั้นเป็นน้ำพุร้อน มีอุณหภูมิและแร่ธาตุสูงมาก ทำให้มีไอพวงพุ่งตลอดเวลา เราสามารถเที่ยวโดยการเดินลงไปในร่องเขาแล้วเดินชมความงามเลียบควันที่ล่องลอยได้
เราสามารถเดินทางมาที่นี่ได้ทั้งทางรถบัสและรถยนต์ส่วนตัว แต่แนะนำว่าใช้รถส่วนตัวสะดวกกว่ามาก
KAWAGUCHIKO / HAKONE
และท่ามกลางสถานที่ท่องเที่ยวอันมากมายในประเทศญี่ปุ่นนั้น ภูเขาไฟฟูจิ ก็ยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบ TOP HIT สำหรับทั้งชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติเสมอมา ด้วยรูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์ ความสวยงามที่แตกต่างกันไปในแต่ละฤดู และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทำให้การเที่ยวฟูจิเป็นเรื่องง่ายที่ใคร ๆ ก็ทำได้
ที่จริงแล้วฟูจิสามารถเที่ยวชมได้จากจุดต่าง ๆ มากมายหลายสิบจุด แต่เส้นทางแนะนำสำหรับมือใหม่ก็คงไม่พ้นรูทยอดนิยมที่จะออกจากโตเกียว เดินทางเป็นวงกลม โดยเริ่มจากนั่งบัสไปที่ Kawaguchiko แล้วต่อไปช็อปปิ้งที่ Gotemba ก่อนที่จะมาสุดที่ Hakone และนั่งรถไฟกลับโตเกียว โดยเส้นทางนี้ใช้เวลาโดยรวมประมาณ 3 วันขึ้นไป
ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนรอบฟูจินั้นจะอยู่ราวเดือนตุลาคม เมื่ออากาศเริ่มเย็นลง หิมะจะปกคลุมยอดของภูเขาไฟ กลายเป็นภาพภูเขาไฟใส่หมวกอันแสนคุ้นเคยของใครต่อหลายคน ประกอบกับใบไม้ที่ทยอยกันเปลี่ยนสีสันแข่งขันกันทุกหนทุกแห่ง ภาพของสีแดงกับภูเขาไฟจึงเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้
TAKAYAMA
เมืองเก่าที่ตั้งอยู่แนบอิงกับหุบเขาฮิดะที่ตั้งอยู่ในกิฟุจังหวัดทางภาคกลางของประเทศญี่ปุ่นนี้ มีผู้ที่ต้องการมาเยี่ยมชมในปีหนึ่งนับแสนคน ถือเป็นอีกหนึ่งเมืองสุดยอดนิยมในสายตานักท่องเที่ยวทั่วโลก
ด้วยความที่เป็นอดีตเมืองค้าขายที่สำคัญของภูมิภาค และมีย่านการค้าขายที่คึกคักมาตั้งแต่สมัยโบราณ สืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน โดยส่วน OLD TOWN นั้นมีความงดงามเป็นอย่างมาก เนื่องจากช่างไม้ของที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นช่างไม้ที่มีฝีมือมากที่สุดในประเทศ งานอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ จึงสวยงามและสมบูรณ์อย่างยิ่ง โดยความงามและความคึกคักนั้นถูกเอาไปเปรียบเทียบกับเมืองเกียวโตที่เป็นเมืองหลวงในสมัยนั้นทีเดียว จนได้รับฉายาว่า Little Kyoto
ปัจจุบันนี้การไปเที่ยวทาคายามะไม่ใช่เรื่องยากแล้ว มีรถไฟให้บริการจากเมืองใหญ่อย่างนาโงย่า หรือรถบัสก็เข้าถึงได้ง่ายจากหลาย ๆ เมือง ทำให้ทาคายามาเป็นจุดมุ่งหมายหลักของนักท่องเที่ยวอีกที่หนึ่งโดยมีรางวัลการันตีมากมาย อย่างเช่นได้ 3 ดาวจากการจัดอันดับของ Michelin ในฐานะเมืองท่องเที่ยวที่ต้องไปเยือนร่วมกับเมืองอื่น ๆอีก 16เมือง
ความที่มีลักษณะใกล้เคียงกับเกียวโต ทำให้เอกลักษณ์ในยามใบไม้เปลี่ยนสีก็จะคล้ายกัน ในวัดต่าง ๆ ทั่วทั้งเมืองจะปรากฑจุดชมใบไม้แดงแทบจะทุกที่ โดยเริ่มต้นในช่วงต้นเดือนตุลาคมของทุกปี
ใครมาเยือนทาคายาม่าอย่าลืมลองเนื้อฮิดะของขึ้นชื่อของที่นี่ด้วยล่ะ ลิ้มรสเนื้อไปชมใบไม้เปลี่ยนสีไป ช่างมีความสุขสุด ๆ ไปเลย
ข้อควรระวังในการเที่ยวช่วงฤดูใบไม้ร่วง
ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีเป็นช่วงที่สวยงามมากก็จริงอยู่
แต่เนื่องจากเป็นช่วงเดือนที่มีการเปลี่ยนอุณหภูมิจากร้อนไปเป็นหนาว ทำให้เกิดฝนตกได้บ่อยครั้ง
ยิ่งถ้าตกในช่วงกลางเดือนตุลาคมเป็นต้นไปแล้วล่ะก็ไม่เพียงแต่จะเปียกเท่านั้น
แต่ยังหนาวและชื้นเอามาก ๆ ด้วย ง่ายมากต่อการเป็นไข้หวัด
หรือถ้าหนักกว่านั้นก็อาจจะมีอาการของโรคปอดชื้นได้
ฉะนั้นเตรียมเสื้อผ้าอุ่น ๆ และอุปกรณ์กันฝนให้เรียบร้อย
และอย่าลืมที่จะซื้อประกันการเดินทางทุกครั้งที่มีการเดินทางต่างประเทศ
เพราะความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นนั้นเทียบไม่ได้เลยกับค่าประกันที่ทำไป