” ประเทศญี่ปุ่น ” ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักเดินทางทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนมีงบไม่จำกัด หรือนักท่องเที่ยวแบบประหยัดก็ตาม เพราะข้อดีของการท่องเที่ยวญี่ปุ่นคือมีทั้งที่พัก และร้านอาหาร ให้เราเลือกได้มากมายทุกราคาทุกระดับนี่แหละ
วันนี้เราจึงขอเสนอรูทท่องเที่ยวแบบราคาประหยัดให้กับนักเดินทางขาลุยกัน แต่ถึงราคาประหยัด ก็รับรองว่าได้กินได้เที่ยวอย่างเต็มที่ นอนหลับสบาย และเดินทางสะดวกแน่นอน
โดยทริปนี้เราได้พักและเดินทางในเส้นทางของบริษัท Japan 555 บริษัทญี่ปุ่นผู้ให้บริการที่พักแบบ Hostel และ รถโดยสารระหว่างเมือง ที่จะช่วยประหยัดเงินค่าเดินทางของเราได้อย่างมากมาย เรามาดูกันว่าการเดินทางในทริปนี้ของเราเป็นอย่างไรกันบ้าง
โดยเส้นทางที่เราจะขอนำเสนอก็คือ
เส้นทาง Tokyo – Nagoya – Kyoto – Osaka
เส้นทางนี้เป็นเส้นทางยอดนิยมของชาวไทยกันอยู่แล้ว เนื่องจากมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากมาย ทั้งที่เที่ยวทางธรรมชาติ ที่ Shopping ในเมือง วัดวาอารามที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เรียกว่าเหมาะกับนักเดินทางทุกเพศทุกวัย ตอบโจทย์ทุกกิจกรรมเลยทีเดียว
การเดินทาง
ตั๋วเครื่องบิน
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการประหยัดเงินมากจริง ๆ ส่วนหลัก ๆ ที่สามารถลดค่าใช้จ่ายในทริปได้มากก็คือตั๋วเครื่องบินนั่นเอง แล้วเราจะทำอย่างไรให้ได้ตั๋วราคาถูกกันล่ะ ?
เร็ว ๆ นี้ เพิ่งมีตั๋วโปรโมชั่นไป-กลับฟุกุโอกะ ราคาแค่ 5000บาทออกมา ซึ่งโปรโมชั่นแบบนี้นี่แหละที่เราต้องทำการจับจ้องให้ดี เพราะตั๋วประเภทนี้มาไวและไปไวมาก ทำให้บางคนไม่เคยได้กดจองตั๋วโปรโมชั่นแบบนี้เลยสักครั้ง และปัญหาสำคัญที่สุดคือตั๋วประเภทนี้มักจะต้องจองล่วงหน้านานมาก ไม่เหมาะกับคนที่ทำอาชีพประจำสักเท่าไรนัก

ทางเลือกที่ค่อนข้างสะดวกและแน่นอนกว่าคือเพิ่มงบซักหน่อย เพราะตั๋วราคาไม่เกินหมื่นก็น่าดึงดูดพอที่จะจับจองแล้ว และหลายครั้งก็มีดีลดี ๆ แบบ Expedia ที่มีตั๋วพร้อมที่พักมาในราคาที่นึกไม่ถึงอีกด้วย เช่น ตั๋วพร้อมที่พักสามคืน ราคาแค่ ไม่เกิน15,000 ก็มีมาให้บ่อย ๆ แต่ถ้าไม่ได้อยากจะจองล่วงหน้านานมาก สายการบินอย่าง Hongkong airlines ก็มีตั๋วไปลงทั้ง Tokyo และ Osaka ในราคาแค่ราว 12,000 บาทเท่านั้นเอง
สรุป งบตั๋วถ้าเอาจริง ๆ 5,000บาท ไปกลับ ไม่ใช่ราคาที่เพ้อฝัน แต่ถ้าต้องการความสะดวก ราคาไม่เกินหมื่นก็คุ้มค่ามากแล้ว และถ้าไม่ได้อยากจะแย่งใคร และยอมรับได้กับต่อเครื่องสักหน่อย ราคา 12,000 ก็หาไม่ได้ยากเลย
การเดินทางไป กลับ จาก Airport
ทริปนี้เราเดินทางลงที่ Tokyo กลับทาง Osaka ฉะนั้นสนามบินที่เราลงก็คือ Narita หรือ Haneda ที่ Tokyo และกลับจาก Kansai airport ที่อยู่ใกล้กับ Osaka นั่นเอง โดยการเดินทางไปกลับจากสนามบินนั้นมีค่าใช้จ่ายดังนี้
จากสนามบิน Narita เข้าเมืองมีรถให้บริการหลากหลาย ถ้าอยากประหยัดที่สุดก็ให้ขึ้น Keisei Limited Express ราคาแค่ 1030 เยน พุ่งตรงถึง Ueno เลยใช้เวลาราว 70 นาที หรือถ้าจะขึ้นรถด่วน Sky liner ก็เพิ่มราคาขึ้นมาที่ 2,470 เยน ใช้เวลาแค่ 42 นาที
ถ้ามาจาก Haneda ยิ่งง่ายมากขึ้นเพราะอยู่ใกล้เมืองมากกว่า ค่าโดยสารเข้าเมืองราว 500 เยนเท่านั้น
จากเมือง Osaka เข้าสนามบิน Kansai ใช้ Nankai Airport Exp จากสถานี Namba ราคา 920 เยน ใช้เวลา 50 นาที
การเดินทางใน Tokyo
ตั๋วรถไฟใต้ดินและรถไฟในโตเกียวราคาไม่ได้แพงมาก เริ่มต้นที่เที่ยวละ 140 เยน โดยแยกเป็นรถไฟ JR และรถไฟเอกชน โดยปกติหนึ่งวันถ้าเราเดินทางมากกว่า 4 เที่ยว การซื้อตั๋วเหมาจ่ายก็ดูจะคุ้มค่ามากกว่า โดยตั๋วเหมาจ่ายของ JR Tokunai Pass ราคา 750 เยน เที่ยวได้ค่อนข้างครอบคลุมแล้ว
การเดินทางใน Kyoto
หลาย ๆ คนแนะนำให้ซื้อตั๋ว Bus one day pass ราคา 500 เยน แล้วขึ้นบัสเที่ยวอย่างเดียว แต่ความเห็นของเรา ควรจะใช้ Bus ผสมผสานกับการขึ้นรถไฟจะดีกว่า เพราะรถใน Kyoto ค่อนข้างติด และ Bus จอดบ่อยมาก ๆ บางทีบ่อยจนรู้สึกหงุดหงิด เพราะบางป้ายห่างกันแค่ 200-300 เท่านั้นเอง ยังไม่ทันจะเร่งเครื่องเลย ก็ต้องจอดอีกแล้ว
ฉะนั้นการใช้รถไฟจึงประหยัดเวลากว่ามากในการไปบางสถานที่ หรือบางทีจะนั่ง TAXI ในเส้นทางสั้น ๆ ก็ไม่ได้ราคาแพงนักถ้าไปกัน 3-4 คน
การเดินทางใน OSAKA
คล้าย ๆ โตเกียว เพราะเป็นเมืองใหญ่เหมือนกัน มี Pass ประจำเมืองให้ใช้หลากหลาย ส่วนใหญ่มักจะใช้ Kansai thru pass กัน โดยสามารถใช้เดินทางใน OSAKA และรอบ ๆ ได้ไม่จำกัด ( ใช้ขึ้น JR ไม่ได้ ) โดยบัตรชนิดนี้เหมาะกับผู้ที่วางแผนจะเดืนทางออกไปจังหวัดข้างเคียงอย่าง Nara หรือ Hyogo ด้วย เพราะราคาค่อนข้างสูง แบบ 2 วัน 4000 เยน 3 วัน 5200 เยน โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางต่อเนื่องกัน วันไหนไม่ได้เดินทางไกลก็ไม่จำเป็นต้องใช้ โดยบัตรสามารถเดินทางได้ตามรูปภาพนี้
แต่ถ้าไม่ได้วางแผนจะเที่ยวจังหวัดรอบข้างก็ขอแนะนำให้ซื้อตั๋วเฉพาะของ OSAKA อย่าง Osaka amazing pass ( ตั๋ว 1 วัน ราคา 2,300 เยน และ ตั๋ว 2 วัน ราคา 3,000 เยน ) เพราะสามารถเข้าสถานที่ท่องเที่ยวหลาย ๆ แห่งได้ฟรีอีกด้วย เช่น Umeda Sky Building Floating Garden Observatory , Natural Hot Spring Naniwa no Yu , Osaka Castle Museum / Nishinomaru Garden , Tombori River Cruise ถ้าใช้เข้าสัก 4 อย่างภายใน 2 วันก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว
การเดินทางจาก Tokyo ไป Kyoto หรือ Osaka
โดยปกติเรามักจะเลือกที่จะนั่ง Shinkansen จาก Tokyo ไป Osaka กัน โดยราคาค่าโดยสารราว 14,000เยน
แต่เรามีทางเลือกที่ประหยัดมากกว่านั้นนั่นคือการนั่งบัสนอน โดยในคราวนี้เราได้นั่งบัสนอน Vip liner ของทาง Japan555 ราคาเริ่มต้นแค่ 3,000 เยนเท่านั้นเอง
บัสนอนนั้นอาจจะใช้เวลาเดินทางค่อนข้างมาก( ราว 8 ชั่วโมง ) แต่มีข้อดีคือเดินทางกลางคืน ประหยัดค่าที่พักไปได้ 1 คืน และถ้ามีแรงมากพอ ก็สามารถเที่ยวต่อในเช้าวันถัดไปได้เลย
โดยข้อดีของ BUS VIP LINER คือมี Lounge ให้บริการระหว่างรอรถนั่นเอง โดยจากโตเกียวนั้นจะอยู่บริเวณสถานี Tokyo เราสามารถนำกระเป๋าไปฝากที่ Lounge แล้วเดินเที่ยวบริเวณสถานีโตเกียวที่มีร้านอาหาร ร้านค้ามากมายให้บริการได้ก่อน จากนั้นจึงมารอขึ้นรถในช่วงดึก โดย Lounge สามารถเดินจากสถานีโตเกียวไปได้ง่าย ๆ ตามแผนที่นี้เลย หรืออ่านวิธีการไปโดยละเอียดได้จากเวปทางการ
http://www.japan555.com/วิธีการเดินทางไป-tokyo-vip-lounge/
Lounge นั้นมีให้บริการเครื่องดื่มฟรี ทั้งน้ำ ชาเขียว กาแฟ หรือแม้แต่ซุปมิโซะ สามารถใช้ห้องน้ำเพื่ออาบน้ำก่อนขึ้นรถได้อีกด้วย มีที่ปลั๊กไฟสำหรับเติมพลังให้โทรศัพท์มือถือ รวมถึงโต๊ะเก้าอี้สำหรับนั่งรออีกด้วย เรียกได้ว่าเอากระเป๋ามาฝาก เดินเล่นแล้วกลับมาอาบน้ำนั่งรออย่างสบาย ๆ ที่นี่ได้เลย
สำหรับจุดขึ้นรถนั้นอยู่ไม่ไกลจาก VIP LOUNGE นัก โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยเช็คชื่อและนำทางไปพร้อม ๆ กัน เดินไปราว 3 นาที รถบัสนอนที่เราขึ้นนั้นจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ที่นั่งแยกจากกัน จะไม่มีการนั่งติดกันกับคนอื่นเลย มีม่านคอยกั้นระหว่างที่นั่งเป็นสัดเป็นส่วน เบาะสามารถเอนนอนได้ค่อนข้างสบายสำหรับคนที่ไม่สูงนัก แต่ถ้าสูงเกิน 175 อาจจะอึดอัดบ้าง มีหมอนและผ้าห่มให้บริการ รวมถึง WIfi บนรถด้วย ใครที่ชาร์จมือถือมาเต็มแล้วก็สามารถท่อง Internet จากบนรถได้เลย และแน่นอนมีห้องน้ำให้บริการสำหรับยามฉุกเฉินด้วย
โดยรวมแล้วรถ VIP LINER มีข้อดีมาก ๆ คือราคาที่ถูกมาก เริ่มต้นแค่ 3,000 เยน แต่ก็มีรถที่ราคาแพงและสบายมากขึ้นอีกหลายประเภท เรียกว่าเลือกจ่ายได้ตามความต้องการตั้งแต่ 3,000-5,000 เยน
นอกจากนี้ระบบการจัดการก็ทำได้ดี จองได้ง่าย ๆ ผ่านเวป http://www.japan555.com/category/เดินทาง/รถบัส/รถนอนexpress-bus/รถบัสvip-liner/ และสถานที่รอรถก็ทำได้ดี สามารถฝากกระเป๋า นั่งรอ หรืออกไปเที่ยวและกลับมาอาบน้ำได้สบาย ๆ
สิ่งอำนวยความสะดวกบนรถก็ถือว่าทำได้ดี มีความเป็นส่วนตัวระดับหนึ่ง แต่ถ้าสูงหรือขายาวอาจจะลำบากอยู่บ้าง
ข้อเสียก็คือใช้เวลาเดินทางนาน และเดินทางเวลากลางคืน ถึงช่วงเช้า ซึ่งบางคนไม่ค่อยชอบ เพราะจะรู้สึกเหนื่อย อยากพักผ่อน แต่ถ้าคิดว่าเดินทางไหว วิธีเดินทางด้วยรถบัสนอนก็เป็นวิธีที่ถูกและน่าสนใจมาก ๆ เลยทีเดียว
สามารถอ่านรายละเอียดภาษาไทยได้เพิ่มเติมที่ http://www.japan555.com/category/เดินทาง/รถบัส/รถนอนexpress-bus/รถบัสvip-liner/
ช่วงนี้มีโปรโมชั่นพิเศษคือถ้านอนที่พักในเครือ JAPAN555 ( มีทั้งโตเกียว เกียวโต นาโกย่า โอซาก้า ) ครบ 5 คืน สามารถจองรถบัสนอนได้ฟรี 1 เที่ยว ประหยัดเงินไปอีก 3,000 เยน
TOKYO
เมืองหลวงของประเทศที่ไม่ว่าใครที่มาเยือนญี่ปุ่นก็ต้องมาที่นี่ดูสักครั้งหนึ่ง โตเกียวเป็นเมืองที่มีความที่สุดหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความคึกคักที่สุดจะบรรยาย ร้านค้าที่ละลานตา และยังถือว่าเมืองที่เป็นนครหลวงวัฒนธรรม POP culture ของโลกอีกด้วย
ถ้ามาโตเกียวก็มีอะไร ๆ ให้ทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็นไปไหว้พระที่แถบ ASAKUSA Shopping ที่ Shibuya หรือ Tokyo sky tree เดินชิค ๆ ที่ Ropponggi เที่ยวย้อนวัยเด็กที่ Disney land ( ที่จริงไม่ได้อยู่โตเกียว แต่ก็อยู่ในบริเวณที่ไปถึงได้ไม่ยาก ) หาของกินอร่อย ๆ เที่ยวพิพิธภัณฑ์ เรียกว่าจะทำอะไร โตเกียวก็มีให้ทั้งนั้น
ถ้ายังไม่มีไอเดียสำหรับการหาที่กินกับShopping ลองดูบทความเก่า ๆ ของเราได้ที่นี่เลย
ที่พักแนะนำ GUEST HOUSE WASABI : NIPPORI
ที่พักแห่งแรกของ JAPAN555 ที่เราอยากแนะนำคือ Wasabi Nippori ที่พักที่มีดีที่ทำเล เพราะอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า Mikawashima เรียกว่าจากสถานีรถไฟฟ้าก็สามารถมองเห็นโรงแรมได้เลย แถมยังมีพนักงานคนไทยให้บริการอีกด้วย สามารถสื่อสารภาษาไทยกันได้เลย
การเดินทางจากสนามบิน Narita
เราสามารถเดินทางจากสนามบิน Narita ได้โดย Keisei Limited Express หรือ Sky liner ยิงตรงมาลงที่สถานี Nippori จากนั้นต่อรถไฟสาย Joban อีกแค่ 2 สถานีก็จะถึงสถานี Mikawashima แล้ว
ทำเลที่ตั้ง
เนื่องจากอยู่ติดกับสถานี Mikawashima ทำให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกรอบที่พักค่อนข้างมาก ทั้ง 7/11 ร้านอาหารราคาถูกอย่าง Sukiya จะซื้อของราคาถูกก็มี Supermarket ใกล้ ๆ หรือแม้กระทั่งร้านเครื่องสำอางอย่าง Matsumoto Kiyoshi ก็ยังมี ให้สาว ๆ ได้ไป Shopping เล่นกัน
ถ้าหากอยากจะไปห้างสรรพสินค้าก็สามารถเดินราว 10 นาทีไปที่สถานี Nippori ได้เลย
ที่นี่มีบริการห้องพักทั้งห้องส่วนตัวและห้องแบบนอนรวม โดยห้องส่วนตัวจะมีทั้งสไตล์ญี่ปุ่น แบบนอนฟูก หรือแบบตะวันตกมีเตียงนอน อยู่ได้ตั้งแต่ 1-3 คน ราคาต่อคนเริ่มต้นที่ 2500 เยน หรือห้องใหญ่แบบที่เราพักกันจะเป็นห้องแบบ Family มีเตียงสองชั้น 4 เตียง มีทีวี ครัว ห้องน้ำพร้อมสรรพ เหมาะมากสำหรับครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนฝูง
ส่วนห้องพักแบบนอนรวมนั้นจะเป็นลักษณะเป็นแคปซูลแยกเป็นห้องแบบเป็นสัดเป็นส่วน มีที่ชาร์ทไฟและไฟฟ้าส่วนตัว ราคาเริ่มต้นแค่คนละ 2600 เยนเท่านั้น ถ้าใครเดินทางคนเดียวอยากประหยัดงบแนะนำให้พักแบบนี้เลย เพราะมีความเป็นส่วนตัวพอสมควร
สิ่งอำนวยความสะดวก
ที่นี่มีน้ำดื่มให้บริการ ทั้งชาเขียว กาแฟ ซุปมิโสะ ลงมาดื่มได้ทั้งวัน Wifi มีให้บริการอย่างเพียงพอเมื่อเทียบกับจำนวนห้องพัก มีมุมหนังสือเล็ก ๆ ส่วนห้องน้ำมีทั้งแบบธรรมดาและอ่างน้ำร้อนรวมที่อยู่แยกออกไปจากตัวอาคาร บริเวณดาดฟ้าชั้นบนเป็นลานกว้างใช้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้
ที่นี่มีลิฟท์ให้บริการ ไม่ต้องกลัวว่าจะต้องแบกกระเป๋าหนักขึ้นบันได
สรุปว่าเป็นที่พักที่เด่นในเรื่องราคาและทำเลมาก ๆ เดินทางสะดวกมาก ห้องพักแบบ Family ที่เราพักก็กว้างขวาง พักได้สบายมาก ๆ เหมาะกับครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อน
คะแนนจากTravelkanuman
ทำเล 10
ห้อง 8
ส่วนกลาง 8
ราคา 10
NAGOYA
เมืองใหญ่อีกเมืองหนึ่งของญี่ปุ่น ด้วยประชากรกว่า 2ล้านคน ทำให้เป็นเมืองที่มีประชากรมากเป็นอันดับสี่ในประเทศ รวมทั้งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของประเทศอีกด้วย และเหมือนเมืองใหญ่อื่น ๆ ของญี่ปุ่นที่มักมีคนเข้าใจผิดว่าเป็นจังหวัด แต่นาโกย่าเป็นเพียงส่วนหนึ่งของจังหวัดไอจิเท่านั้น
ด้วยความที่เป็นเมืองที่อยู่กึ่งกลางของสองขั้วอำนาจในญี่ปุ่นอย่าง โตเกียวและโอซาก้าแบบพอดิบพอดี และยังเป็นประตูสู่การขึ้นไปเที่ยวเมืองในภูมิภาค CHUBU ทำให้หลาย ๆ คนเลือกแวะพักที่นี่ก่อนจะไปเที่ยวที่อื่นต่อ และที่นี่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายไว้รอบรับ รวมถึงอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของพื้นที่หลายอย่างอีกด้วย
GUEST HOUSE WASABI : Nagoya Ekimae
สาขา Nagoya ของ Wasabi เป็นอีกหนึ่งสาขาที่มีทำเลที่ตั้งดีเยี่ยมมาก เพราะอยู่ห่างจากสถานีรถไฟ Nagoya แค่ 5 นาทีเท่านั้นเอง
การเดินทางจากสถานี NAGOYA
คนที่เดินทางมาที่นี่ไม่ว่าทางรถไฟหรือรถบัสต้องมาลงที่สถานี Nagoya ทั้งสิ้น ซึ่งจากสถานี Nagoya ใช้เวลาเดินถึง Hostel แค่ 5 นาที เท่านั้น หรือจะเดินทางไปสนามบิน Central ก็ใช้เวลาแค่ 30 นาที
ทำเลที่ตั้ง
เนื่องจากใกล้สถานี Nagoya จึงไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องอาหารการกินหรือที่ Shopping เพราะมีให้เลือกมากมาย จะเดินทางไปไหนมาไหนไม่ว่าจะใน Nagoya หรือพื้นที่ใกล้เคียงก็ไปได้ทั้งหมดจากสถานี Nagoya
จากโฮสเตลเดินไปไม่กี่ก้าวก็จะมีร้่นสะดวกซื้อให้บริการ ไม่ต้องกลัวอดยามดึก
ห้องพัก
ห้องพักที่นี่มีแต่ Dorm นอนรวมเท่านั้น ซึ่งมีทั้งแบบรวมและแยกหญิงชาย โดยจะเป็นรูปแบบห้องเล็ก ๆ เหมือนที่ Tokyo ที่พิเศษคือมีคอมพิวเตอร์ให้ในแต่ละห้องด้วย ทำให้สามารถทำงาน หรือหาข้อมูลได้ง่าย ๆ ในพื้นที่ส่วนตัว
ในห้องไม่ค่อยมีที่เก็บของมากนัก อาจจะไม่สะดวกสำหรับคนกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ แต่ทางโฮสเตลก็จัดที่เก็บกระเป๋ารวมไว้ให้บริเวณระเบียงของทุกชั้น
ค่าห้องราคาเริ่มต้นที่ 2500 เยนต่อคน
สิ่งอำนวยความสะดวก
สาขานี้มีส่วนกลางอยู่ที่ชั้น 1 มีน้ำดื่มให้บริการฟรี จะซื้อของจากร้านสะดวกซื้อมากินเล่นที่ชั้น 1 ก็ได้ สำหรับคนที่ไม่อยากเอากระเป๋าใหญ่ขึ้นไปที่ห้อง สามารถฝากเอาไว้ที่ชั้นล่างได้ หรือหากต้องการนำขึ้นก็มีลิฟท์ให้บริการ
ห้องน้ำเป็นห้องน้ำรวมมีให้บริการทุกชั้น แต่ถ้าต้องการเข้าห้องน้ำหญิงล้วนก็มีแยกให้บริการในบางชั้นอีกด้วย
โดยรวมสาขานี้ก็เด่นด้านทำเลเช่นกัน ห้องกับส่วนกลางก็ตามมาตรฐาน Wasabi แต่มีแค่ Dorm ไม่มีห้องส่วนตัวให้บริการ
คะแนนจากTravelkanuman
ทำเล 9
ห้อง 8
ส่วนกลาง 8
ราคา 10
KYOTO
ถ้าให้เลือกเมืองในญี่ปุ่นที่เราจะไปชมโบราณสถานต่าง ๆ ทั้ง วัด วัง หรือสวนสวยต่าง ๆ ได้มากและสวยงามที่สุด แน่นอนว่าเกือบทุกคนต้องเลือก เกียวโต ขึ้นมาอย่างแน่นอน
เกียวโต เป็นเมืองหลวงเก่าของประเทศในยุคปี คศ 794 ถึง 1868 มีประชากรกว่า 1.8 ล้านคน และนับเป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของประเทศ โดยในบริเวณตัวเมืองและชานเมืองมีวัดน้อยใหญ่ตั้งอยู่รวมกันหลายร้อยแห่ง มากที่สุดในประเทศญี่ปุ่นทีเดียว โดยเมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่สอง เกียวโตนั้นรอดพ้นจากการถูกโจมตีทางอากาศมาได้ เนื่องจากถูกเห็นว่าเป็นแหล่งโบราณสถานที่ควรค่าแก่การรักษาเอาไว้ เรียกได้ว่าแม้จะเป็นศัตรูกันในสงครามก็ยังไม่อยากทำลายเมืองอันแสนสวยงามและทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์นี้
ในปัจจุบัน เกียวโตอาจจะเป็นเมืองที่ใหญ่ขึ้น มีตึกสูงมากขึ้น รถราผู้คนก็เบียดเสียดยัดเยียดกันในเมือง โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่ต้นซากุระแข่งกันผลิดอก และช่วงใบไม้ร่วงที่ปกคลุมไปด้วยสีแดงสดนั้น เกียวโตจะคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศทั้งชาวต่างชาติและชาวญี่ปุ่นเอง หลาย ๆ คนที่อาจจะวาดฝันเกียวโตว่าเป็นเมืองที่มีบรรยากาศเก่าแก่ทั้งเมืองอาจจะผิดหวังไปบ้าง เพราะตึกรามสมัยใหม่ก็ถูกก่อสร้างขึ้นมาสลับไปกับโบราณสถานต่าง ๆ แต่ถึงอย่างไร เกียวโตก็ยังคงเป็นเมืองที่ทรงคุณค่าและสมควรไปเยี่ยมเยียนซักครั้งอย่างไม่ต้องสงสัย
ที่พักแนะนำ GUEST HOUSE WASABI : KYOTO SOBA
ที่พักขนาดเล็กที่อยู่กลางกรุงเกียวโต ที่สาขานี้จะแตกต่างกับสาขาอื่น ๆ อยู่บ้าง เพราะที่อื่นจะอยู่ใกล้รถไฟฟ้าทั้งหมด แต่เพราะที่เกียวโตนี้ระบบรถไฟฟ้าไม่อำนวยเท่าใดนัก Wasabi Kyoto จึงไม่ได้อยู่ติดรถไฟฟ้า แต่ก็ยังสะดวกเพราะอยู่ติดกับป้ายรถประจำทางที่วิ่งตรงมาจากสถานีเกียวโตเลย
การเดินทางจากสถานีเกียวโต
ไม่ว่าเราจะมาทางรถบัสหรือรถไฟก็จะต้องมาลงที่สถานี Kyoto ซึ่งสามารถต่อรถบัสสาย 50 จากป้ายรถเมล์ B2 หน้าสถานี ไปที่ Wasabi Kyoto Soba ลงที่ป้าย Omiya nakadachiuri ได้เลย ใช้เวลาราว 25-30 นาที
ถึงแม้ไม่ติดกับรถไฟ แต่รถบัสก็สะดวกสบายใช้ได้ใน Kyoto หากต้องการไปต่อรถไฟจริง ๆ ก็นั่งบัสไปไม่ไกลนัก โดยตั๋ววันบัสราคา 500 เยน นั่งแค่ 2 เที่ยวก็คุ้มค่าตั๋วแล้ว
รอบ ๆ ที่พักมีร้านค้าพอสมควร ทั้งร้าน Daiso ที่ขายของราคา 100 เยน ร้านอาหารต่าง ๆ หลายแห่งทั้งบะหมี่ หรือข้าวหน้าต่าง ๆ และแน่นอนว่ามีร้านสะดวกซื้อตั้งอยู่ในระยะทางไม่ไกล
ห้องพัก
ที่นี่มีห้องพักทั้งแบบ Private และนอนรวม โดยในส่วนของห้อง Private จะนอนได้สูงสุด 3 คน ราคาเริ่มต้นที่ 11,400 เยน โดยจะไม่มีห้องน้ำในตัว ต้องลงมาใช้ห้องรวมที่ชั้น 1
ส่วนห้องนอนรวมก็มีการแบ่งเป็นห้อง ๆ เหมือนที่ Tokyo แต่ที่นี่ใช้ผ้าม่านกั้นระหว่างห้อง สามารถเปิด Connect กับห้องข้าง ๆ เพื่อแชร์พื้นที่กันได้ ราคาเริ่มต้นห้องนอนรวมอยู่ที่ 2800 เยน
ที่นี่ไม่มีลิฟท์ ถ้าใครกระเป๋าใบใหญ่ต้องออกแรงขนขึ้นชั้นสองเสียหน่อย แต่ชั้นสองก็มีบริเวณส่วนกลางให้เราจัดของ หรือฝากกระเป๋าใบใหญ่เอาไว้นอกห้องได้
สิ่งอำนวยความสะดวก
ส่วนกลางที่นี่จัดแบบญี่ปุ่นอย่างสวยงาม น่านั่งเล่น โดยจะมีน้ำให้บริการ รวมถึง TV และคอมพิวเตอร์ด้วย ห้องน้ำส่วนกลางมีทั้งแบบตะวันตก และแบบญี่ปุ่น โดยแบบญี่ปุ่นต้องเสียค่าบริการเพิ่มเล็กน้อย (100 เยน) นอกจากนี้ยังมีบริการพิเศษสำหรับสาว ๆ โดยสามารถใช้เครื่องสำอางของทางโรงแรมได้ฟรีอีกด้วย
บริเวณโถงชั้นล่างยังเปิดเป็นคาเฟ่เล้ก ๆ ให้บริการอาหารว่างและเครื่องดื่ม ถ้าไม่อยากออกไปไหนไกลก็สามารถใช้บริการได้เลย อาหารรสชาติใช้ได้ ราคาไม่แพง
โดยรวมแล้วสาขานี้ดูมีความเป็นญี่ปุ่นมากกว่าที่สาขาอื่น ขนาดเล็กกระทัดรัด ทำเลอาจจะไม่ได้ดีมากเท่าที่อื่น ๆ ต้องเสียเวลาต่อรถบัสทุกครั้งที่จะออกไปเที่ยว แต่เมื่อดูราคากับห้องแล้วก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีเลยทีเดียว
คะแนนจากTravelkanuman
ทำเล 8
ห้อง 8
ส่วนกลาง 9
ราคา 9
OSAKA
เมืองใหญ่ที่สุดในภูมิภาคคันไซ และยังถือว่าเป็นเมืองใหญ่ระดับหัวแถวของประเทศ เป็นรองเพียงแค่โตเกียวและโยโกฮาม่าเท่านั้น โอซาก้ามีประชากรกว่า 2.5 ล้านคน มีความคึกคักสูง บนถนนสายค้าขายจะเห็นชาวโอวาก้าตั้งร้านค้ากันอย่างมากมาย มีทั้งวิธีการเรียกลูกค้าหลากหลายแบบแล้วแต่จะสรรหากันมาใช้ รวมถึงกริยาท่าทางที่ดูเ่าร้อนมากกว่าคนญี่ปุ่นแถบอื่น นั่นทำให้ชาวญี่ปุ่นจากภูมิภาคอื่นมักกล่าวกันว่า โอซาก้าเป็นเมืองที่แตกต่างจากที่อื่น ๆ ในประเทศ โดยชาวโอซาก้ามักมีนิสัยตรงไปตรงไป สนุกสนานร่าเริง ดังจะเห็นได้ว่า ตลกมืออาชีพส่วนใหญ่ก็มาจากที่โอซาก้านี่เอง
นอกจากผู้คนที่เป็นเอกลักษณ์และสีสันแล้ว สถานที่ท่องเที่ยวในโอซาก้าก็ยังมีหลากหลาย ตั้งแต่ตลาด ย่านการค้า โบราณสถาน แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ สวนสนุกไปจนถึงพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ฉะนั้นการมาโอซาก้าจึงได้ประสบการณ์การท่องเที่ยวแบบครบครันทุกรูปแบบ
GUEST HOUSE WASABI :Osaka Bed and Library
ที่พักน้องใหม่ล่าสุดในเครือ WASABI เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อต้นเดือนธันวาคม 2016 นี่เอง โดยที่โรงแรมบอกเอาไว้ว่าเป็นโฮสเตลที่รวบรวมเอาข้อดีทั้งหมดจากทุกสาขาเอาไว้ด้วยกัน
การเดินทางจากสถานี NAMBA
สถานีที่ใกล้และสะดวกที่สุดคือ สถานี NAMBA สถานีใหญ่ที่สามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวก รวมถึงสามารถนั่งรถไฟไปถึงสนามบิน Kansai ได้เลย
จากสถานี Namba เราสามารถเดินไปที่ Wasabi Namba ได้โดยใช้เวลาเพียง 3นาทีเท่านั้น
ทำเลที่ตั้ง
ทำเลที่ตั้งของ WASABI NAMBA ถือว่าเป็นที่สุดแล้ว เพราะห่างจากถนน SHOPPING แค่ไม่กี่ก้าว ที่บอกว่าไม่กี่ก้าวนี่คือไม่กี่ก้าวจริง ๆ ( ลองวัดได้ประมาณไม่เกิน 10 ก้าว ) จะเดินไปที่ป้ายกูลิโกะยอดนิยมก็ใช้เวลาแค่ 3-4 นาที ห้าง Bic Camera อยู่ติดกับโฮสเตลเลย หรือร้านยอดนิยมอย่างDon Quijote ก็ใช้เวลาเดินแค่ 5 นาทีเท่านั้น
และอย่างที่บอกว่าสถานี Namba สามารถนั่งรถไปถึงสนามบิน Kansai ได้ ฉะนั้นจึงเหมาะจะเป็นที่มั่นในช่วงสุดท้ายของทริปก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศไทย เพราะเดินซื้อของสนุกมาก ถ้าหนักก็เอากลับมาเก็บที่ห้อง แล้วออกไปซื้อใหม่ก็แสนสบาย
เรื่องอาหารการกินก็ไม่จำเป็นต้องห่วง เพราะมีร้านค้านับร้อย ๆ ตั้งอยู่รอบโฮสเตล เยอะจนลำบากใจว่าจะเลือกกินร้านไหนเลยทีเดียว
ห้องพัก
ที่ี่นี่เป็นห้องพักแบบห้องนอนรวมอย่างเดียวเท่านั้น แต่มีการจัดแบ่งอย่างลงตัวดูสะอาดและปลอดภัยมาก ห้องแต่ละห้องมีฉากกั้นห้อง ภายในมีทั้งไฟ ที่แขวนเสื้อผ้า ปลั๊กไฟ และคอมพิวเตอร์ ให้เราใช้อีกด้วย
ภายในห้องนอนมีส่วนกลางกว้างขวางกว่าสาขาอื่น ๆ ใต้เตียงมีที่เก็บกระเป๋าเดินทางเป็นสัดเป็นส่วน ทั้งหมดนี้ในราคาเริ่มต้นที่ 3300 เยนเท่านั้น เมื่อเทียบกับทำเลและสิ่งที่ได้แล้ว ถือเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ามาก
สิ่งอำนวยความสะดวก
ส่วนกลางของที่สาขา Namba พูดได้เต็มปากว่าดีที่สุดในทุกสาขา เพราะมีส่วนกลางเป็นห้องสมุดคาเฟ่ที่ใหญ่และดูดีมาก ๆ ทั้งกว้างขวางและมีหนังสือ ( ภาษาญี่ปุ่น ) ให้เลือกมากมาย แถมมีที่นั่งและห้องอ่านหนังสือเงียบ ๆ อีกด้วย
ส่วนห้องน้ำก็ใหญ่และกว้างมาก ที่ดีที่สุดคือห้องน้ำหญิงนั้นอยู่ในห้องนอนรวมหญิงเลย ไม่ต้องกลัวว่าจะเจอผู้ชายในชุดนอนเลย
บริการพื้นฐานที่สาขาอื่น ๆ อย่าง Wifi น้ำดื่มก็มีให้บริการเช่นเดียวกัน
คะแนนจากTravelkanuman
ทำเล 10
ห้อง 9
ส่วนกลาง 10
ราคา 9
ถ้าหากใครกำลังวางแผนจะเดินทางไป TOKYO NAGOYA KYOTO OSAKA ก็ลองดูที่พักในเครือ WASABI เป็นทางเลือกได้เลย รับรองว่าประหยัดเงินและได้ทำเลที่ถูกใจอย่างแน่นอน