ถ้าพูดถึง Indonesia ชาวไทยเรามักจะมองว่าเป็นประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงที่ไม่ค่อยต่างกับไทยซักเท่าไหร่ ทั้งหน้าตา อากาศ และวัฒนธรรม ทำให้หลาย ๆ คนมองการไปพักผ่อนที่ Indonesia เป็นตัวเลือกลำดับท้าย ๆ สำหรับวันพักผ่อน แต่ที่จริงแล้ว Indonesia เป็นหนึ่งในจุดหมายในฝันของนักท่องโลกส่วนใหญ่ในโลก เปรียบเสมือนดินแดนลึกลับที่มีทั้งวัฒนธรรมและภูมิประเทศที่แปลกตา
วันนี้เราจึงจับเครื่อง Garuda Indonesia ไปสำรวจ 2 เมืองที่น่าสนใจสุด ๆ ของ Indonesia อย่าง Yogyakarta และ Bali มาเล่าให้ฟังกันว่าน่าสนใจขนาดไหน และทำไมเราต้องไปเยือน2 เมืองนี้กัน
พร้อมแล้วตามไปดูความน่าสนใจของ Indonesia กันเลย
Indonesia เป็นประเทศขนาดใหญ่และมีประชากรลำดับต้น ๆ ของโลกเลยทีเดียว ประเทศประกอบไปด้วยหมู่เกาะน้อยใหญ่นับพันเกาะ และด้วยความที่ตั้งอยู่ในเส้นแนวภูเขาไฟ ทำให้มีภูมิประเทศที่แปลกตาที่หลงเหลือมาจากการระเบิดของภูเขาไฟ รวมถึงความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติที่ล้นเหลือ
เมืองที่เราจะไปเยือนนั้นมีอยู่สองเมือง เมืองแรกคือ Yogyakarta ตั้งอยู่บนเกาะขนาดใหญ่ที่ชื่อเกาะชวา ส่วนเมืองที่สอง บาหลีถึงจะได้ชื่อว่าเป็นเกาะ แต่ก็แยกออกมาไม่ห่างจากเกาะชวาเท่าไหร่ เทียบแล้วก็คล้าย ๆ กับเกาะภูเก็ตที่แยกออกจากแผ่นดินไม่มากเท่าไหร่นั่นเอง การเดินทางระหว่างเมืองต่าง ๆ นั้นมีทั้งทางรถ รถไฟ เรือ แต่เนื่องจากอินโดนีเซียขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่ถนนหนทางไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทำให้การเดินทางทางเครื่องบินสะดวกสบายที่สุด ฉะนั้นการเดินทางจาก Yogyakarta ไป Bali เราจึงแนะนำให้ใช้เครื่องบินภายในประเทศจะสะดวกที่สุด
การเดินทางจากประเทศไทยไปเกาะต่าง ๆ ใน Indonesia ที่สะดวกที่สุดคือขึ้นเครื่องของสายการบินประจำชาติอย่าง Garuda Indonesia ซึ่งมีบินตรงจากกรุงเทพ ไปสู่เมืองหลวง Jakarta และสามารถต่อเครื่องไปเมืองท่องเที่ยวได้เกือบทุกเมืองใน Indonesia โดยถ้าจะไป Bali ต้องลงที่สนามบิน Denpasar หรือถ้าจะไป Yogyakarta ก็ลงที่สนามบิน Yogyakarta เลย
ในทริปนี้เราเดินทางไปทั้ง Yogyakarta และ Bali รูทการเดินทางของเราก็จะเป็น
Bangkok – Jakarta – Yogyakarta ——–>Bali – Jakarta – Bangkok
โดยระหว่างเปลี่ยนเครื่องที่ Jakarta นั้นเราสามารถเดินเที่ยวในสนามบินที่เพิ่งสร้าง Terminal ใหม่สด ๆ ร้อน ๆ ได้ มีที่กินที่ shopping ได้อย่างจุใจเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีห้องรับรองสำหรับการบินชั้นธุรกิจอีกด้วย รับรองว่าเวลาจะผ่านไปอย่างรวดเร็วไม่น่าเบื่อแน่นอน
หลาย ๆ คนยังไม่รู้ว่าถ้าไปทั้ง Yogyakarta และ Bali จะมีอะไรให้ไปดูไปทำบ้าง เราขอบอกเลยว่าสถานที่ท่องเที่ยวของทั้งสองเมืองนั้นมีมากมาย และล้วนแล้วแต่งดงามระดับโลกทั้งสิ้น เรามาดูกันว่ามีสถานที่น่าสนใจแบบไหนบ้างในทั้งสองเมืองที่น่าค้นหานี้
YOGYAKARTA
อดีตชื่อเมือง Ayodhya หรือที่เรียกแบบไทย ๆ ว่า อโยธยา เมืองที่ร่ำรวยไปด้วยสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ที่น่าค้นหามากมาย ถือเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรมาตาราม (Mataram)โบราณ อาณาจักรนี้มีความเจริญรุ่งเรืองอย่างสูง ทั้งทางด้านศิลปะ วัฒนธรรมและการศาสนา เป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาที่ใหญ่ระดับโลก ก่อสร้างศาสนสถานที่ยิ่งใหญ่หลายต่อหลายแห่ง ก่อนที่สิ่งก่อสร้างอันยิ่งใหญ่ทั้งหลายจะถูกการเถ้าถ่านจากระเบิดของภูเขาไฟเมราบีกลบทับ กลายเป็นเมืองร้างมายาวนานหลายร้อยปี
ปัจจุบัน YOGYAKARTA เป็นเมืองท่องเที่ยวหลักของประเทศ มีสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลกมากมาย ดังเช่นที่เราไปสัมผัสมาดังนี้
Borobudur
มหาสถูปบุโรพุทโธเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศอินโดนีเซีย ที่นี่เป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธนิกายมหายานที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในศตวรรษที่ 9 มีรูปแบบศิลปะที่แปลกตาผสมระหว่างศิลปะฮินดูชวา , ศิลปะแบบอินเดียและอินโดนีเซียเข้าด้วยกัน สร้างด้วยหินภูเขาไฟปริมาณกว่า 2 ล้านตารางฟุต บนฐานสี่เหลี่ยมขนาด 123 x 123 เมตร หากมองจากพื้นดินในระยะไกลจะเห็นบุโรพุทโธเป็นเสมือนสถูปขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นรูปแบบของจักรวาลที่มีส่วนประกอบในแนวตั้งสามส่วนด้วยกัน บุโรพุทโธมีทั้งหมดสิบชั้น แทนภพทั้งสามของจักรวาลตามความเชื่อของพุทธศาสนานิกายมหายาน รอบมหาสถูปมีการตกแต่งด้วยภาพสลัก 2672 ชิ้น รูปปั้นพระพุทธรูป 504 องค์ ส่วนโดมตรงกลางล้อมรอบด้วยรูปปั้นพระพุทธรูป 72 องค์ แต่ละนั่งองค์อยู่ภายในสถูปเจาะรูปสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัด ในปัจจุบันสถูปบางส่วนได้ถูกทำลายจนเหลือแต่องค์พระแล้ว
ความยิ่งใหญ่ของบุโรพุทโธ ทำให้นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกหลั่งไหลกันมาชมไม่หยุดหย่อย โดยเฉพาะยามพระอาทิตย์ขึ้นที่ว่ากันว่าเป็นช่วงเวลาที่งดงามมากที่สุดของศาสนสถานแห่งนี้ และได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 2534
บุโรพุทโธตั้งอยู่ห่างจากเมือง Yogyakata ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือประมาณ 40 กิโลเมตร สามารถเข้าถึงได้ด้วยการเช่ารถจากตัวเมืองราคาราว Rp 100,000-150,000
เวลาเข้าชม : 06.00 น. -17.00 น. ( ถ้าจะชมพระอาทิตย์ขึ้นต้องเสียค่าเข้าชมเพิ่มเติมกับทางโรงแรม Manohara Borobudur )
Prambanan
เทวสถานในศาสนาฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในประเทศอินโดนีเซีย ตัววัดสร้างขื้นราวปี พ.ศ. 1390 แต่กลับถูกปล่อยให้ร้างหลังจากสร้างเสร็จไม่นานนัก จนเมื่อถึงปี พ.ศ.2461 จึงได้มีการเริ่มบูรณะวัดอีกครั้ง ใช้เวลากว่า30ปี ในปัจจุบัน Prambanan ถูกยกย่องให้เป็นมรดกโลก และถูกยกให้เป็นหนึ่งในศาสนสถานในศาสนาฮินดูที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สิ่งที่เห็นเด่นชัดที่สุดจากสถาปัตยกรรมแห่งนี้คือความสูงของปรางค์ซึ่งมีความสูงกว่า 47 เมตร โดดเด่นเป็นสง่ามองเห็นได้จากระยะไกล ลานตรงกลางของโบราณสถานแห่งนี้มีสิ่งปลูกสร้างแปดหลัง หลังใหญ่สุดสามหลังเรียงจากเหนือจรดใต้คือ จันดี ศิวะ มหาเทวา ขนาบข้างด้วยวิหารขนาดเล็กกว่า คือ จันดี วิษณุ(ทางเหนือ) และ จันดี พรหมมา (ทางใต้) ฝั่งตรงข้ามทางตะวันออกคือวิหารเล็กๆ ที่ครั้งหนึ่งเคยบรรจุ “พาหนะทรง” ของเทพเจ้าแต่ละองค์
Prambanan ตั้งอยู่ห่างจากเมือง Yogyakata ไปทางตะวันออกประมาณ 18 กิโลเมตร ค่า Taxi จากเมืองราว Rp 80,000
ค่าเข้าชม Borobudur Rp 280,000 สำหรับชาวต่างชาติ
ค่าเข้าชม Prambanan Rp 252,000
ค่าเข้าชม Borobudur พร้อม Prambanan Rp 420,000
KRATON YOGYAKARTA
หรือ พระราชวังสุลต่าน ที่เต็มไปด้วยสิ่งของล้ำค่าในวังและเครื่องใช้ก่อนที่กษัตริย์องค์สุดท้ายจะลี้ภัยและเปลี่ยนการปกครอง ชมวังเมกะลัง และเครื่องบรรณาการต่างๆ และห้องเก็บโบราณวัตถุและสิ่งล้ำค่าสมัยก่อน ประวัติต่างๆ
ค่าเข้าชม Rp 5,000
Candi Pawon
อยู่ห่างจาก Borobudur ไปราว 1 กิโลเมตร เป็นวัดขนาดเล็กที่มีการสัญนิษฐานว่าเป็นส่วนหนึ่งของ Boroburdur เพราะ จากวัด Pawon เป็นจุดกลางของเส้นตรงทอดยาวจาก Borobudur ไปยังวัด Mendut ฉะนั้นถ้ามา Borobudur ไม่ควรพลาดที่จะมาชมวัดแห่งนี้ควบคู่ไปด้วย โดยวัดแห่งนี้เป็นที่เก็บอาวุธของพระกษัตริย์ Indra ที่ชื่อว่า Vajramala เชื่อกันว่าเป็นสถานที่เก็บน้ำศักดิ์สิทธิ์ก่อนเข้าไปทำพิธีที่ Borobudur
Candi Mendut
อีกหนึ่งโบราณสถานที่มีการสัญนิษฐานว่าเป็นส่วนหนึ่งของ Boroburdurเช่นกัน ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปนั่งห้อยพระบาทที่งดงามที่สุด ซึ่งขนาบข้างด้วยรูปสลักพระโพธิสัตว์ อวโลกเตศวร และพระโพธิสัตว์วัชรปาณี
ถนนมาลิโอโบโร่
จำหน่ายสินค้าหัตถกรรมต่างๆ เช่น เครื่องจักรสาน ภาพวาด ผ้าบาติก กล่าวได้ว่าเป็นแหล่ง รวมงานศิลปะต่างๆ ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง เราจะมีโอกาสได้ศึกษาชีวิตความเป็นอยู่ของคนชวาอีกด้วย
BALI
บาหลีเป็นจุดมุ่งหมายยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทยมาอย่างช้านาน และที่จริงไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวชาวไทยเท่านั้น เพราะบาหลีเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก ด้วยความหลากหลายของแหล่งท่องเที่ยวที่อัดแน่นอยู่ในเกาะ ทำให้ไม่ว่าจะเป็นคนที่ชื่นชอบในวัฒนธรรมที่งดงาม คนที่รักในงานสถาปัตยกรรมอันมีเอกลักษณ์ หรือจะเป็นคนที่อยากใช้วันหยุดพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ ก็สามารถดื่มด่ำกับช่วงเวลาในเมืองนี้ได้อย่างไปเคอะเขิน เรามาดูกันว่าบาหลีมีอะไรดี เราถึงได้หลงไหลเกาะแห่งนี้กันนัก
UBUD
เมืองที่เป็นศูนย์กลางงานศิลปะของบาหลีมีวัดเล็ก ๆ และที่พักน่ารัก ๆ มากมาย รวมถึงของฝากราคาถูกที่ตลาดอีกด้วย ใครได้มาเยือนเกาะแห่งนี้แล้วต้องไม่พลาดการมาที่นี่เด็ดขาด
ที่นี่มี Starbuck สาขาที่ติดอันดับสวยที่สุดในโลกอยู่ด้วย ถ้าเหนื่อย ๆ จากการเดินช็อปปิ้ง ก็ลองแวะไปเยี่ยมชมกันได้ รับรองว่าชิลสุด ๆ
Pura Ulun Danu Bratan
วัดอูลัน ดานู บราตัน ตั้งอยู่ในระดับความสูง 4,300 ฟุต จากระดับน้ำทะเล ตั้งอยู่บริเวณกลางน้ำริมทะเลสาบบราตัน มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟสูงทะมึน บางช่วงถูกคั่นด้วยปุยเมฆสีขาว ใช้ทำพิธีทางศาสนาพุทธและฮินดู รวมทั้งอุทิศแด่เทวี ดานู เทพแห่งสายน้ำ
เนื่องจากมีความสูงจากระดับน้ำทะเลค่อนข้างมาก ทำให้อากาศเย็นสบายตลอดปี ไม่ร้อนเหมือนส่วนอื่น ๆ ของบาหลี ทำให้หลาย ๆ คนชอบมาพักตากอากาศกันที่บริเวณนี้ รอบ ๆ จึงมีโรงแรมตั้งอยู่หลายแห่งไว้บริการนักท่องเที่ยว รวมถึงร้านอาหารต่าง ๆ ด้วย
การเดินทาง : อยู่ทางเหนือของเกาะ ห่างจากสนามบินไปราว 2 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม : 30,000 RP
เวลาทำการ : 6.00-18.00
Taman Ayun Temple
หรือที่ชาวไทยเรียกกันว่าวัดเม็งวี วัดแห่งนี้สร้างในศตวรรษที่ 17 เคยเป็นศูนย์กลางของอาณาจักรในยุคเรืองอำนาจ นับย้อนจากสมัยราชวงศ์เกลเกลไปจนถึงปี 1891 มีคูเมืองล้อมรอบเป็นที่เก็บดวงวิญญาณของ 3 ภพ 3 โลก
ปัจจุบันนี้ชาวบาหลีส่วนใหญ่ก็ยังคงมาทำพิธีกรรมต่าง ๆ ที่วัดแห่งนี้อย่างไม่ขาดสาย ทำให้เราสามารถชมวัดแห่งนี้ได้จากภายนอกรั้วเท่านั้น แต่ข้อดีคือเราสามารถเห็นวิถีชาวบ้านแบบแท้ ๆ ได้เสมอที่วัดแห่งนี้
การเดินทาง : อยู่ตอนกลางของเกาะ ห่างสนามบินราวหนึ่งชั่วโมง
ค่าเข้าชม : 15,000 RP
เวลาทำการ : 9.00-16.00
Pura Tirta Empul
หรือเรียกกันว่าน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ เชื่อกันว่าพระอินทร์ทรงสร้างขึ้นตอนที่เจาะพื้นพิภพเพื่อสร้างบ่อน้ำอมฤตชุบชีวิตนักรบของพระองค์ ว่ากันว่าน้ำในสระมีอำนาจในการรักษาโรคภัยต่างๆ ทำให้มีชาวบาหลีมากมายมาอาบน้ำภายในสระแห่งนี้ บ้างก็กรอกน้ำกลับไปที่บ้าน ในบริเวณยังมีบ้านพักของอดีตประธานาธิบดีอินโดนีเซียที่เราสามารถเข้าชมได้ด้วย
บริเวณทางออกเป็นที่ตั้งของตลาดปราบเซียน ที่เราสามารถหาซื้อสินค้าพื้นเมืองราคาถูกมากมายเช่น ผ้าพันคอ ผ้าโสร่งพื้นเมือง กระเป๋าหนัง ตุ๊กตาไม้แกะสลัก พวงกุญแจ ฯลฯ
การเดินทาง : อยู่ตอนกลางของเกาะ เหนือ Ubud ขึ้นไป ห่างสนามบินราวหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
ค่าเข้าชม : 15,000 RP
เวลาทำการ : 7.00-17.00
Kintamani
หมู่บ้านคินตามณี ตั้งอยู่ริมปากปล่องภูเขาไฟกุนุง บาตูร์ มีทะเลสาบบาตูร์ และภูเขาไฟกุนุงบาตูร์ อยู่ในบริเวณ ทำให้ได้ทัศนียภาพที่สวยงามของธรรมชาติแท้ ๆ ทำให้บริเวณหมู่บ้านเป็นที่นิยมสำหรับการพักผ่อน หรือรับประท่นอาหารกลางวัน มีร้านอาหารเรียงรายกันอยู่เต็มริมหน้าผมนับสิบร้าน และไม่ต้องกลัวว่าอากาศจะร้อนอบอ้าว เพราะบริเวณหมู่บ้านอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลค่อนข้างมาก ทำให้อากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี
Tanah lot
วัดศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ตั้งอยู่บนแท่นหินซึ่งเกิดจากการถูกคลื่นกัดเซาะ มีหอสีดำและเถาไม้เลื้อยเหนือหน้าผา ทำให้ภาพรวมของ Tanah lot ดูงดงามเกินบรรยาย ด้วยสภาพแวดล้อมที่เหมาะเจาะ หากมาชมช่วงพระอาทิตย์ตก จะเห็นภาพที่งดงามที่สุด จนมักจะติดอันดับจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามระดับโลกเสมอ ๆ
การเดินทาง : อยู่ตอนกลางใต้ของเกาะ จาก Mengwi ใช้เวลาราว 30 นาที
ค่าเข้าชม : 30,000 RP
เวลาทำการ : 7.00-19.00
อาหารที่อินโดนีเซียมีความคล้ายคลึงกับอาหารไทยมากทีเดียว ชาวไทยที่ไปเที่ยวจึงไม่ต้องกังวลเรื่องการปรับลิ้นมากนัก อาหารยอดนิยมอย่าง Bakso ที่เป็นลูกชิ้นพร้อมซุปรสอร่อยซดคล่องคอ สะเต๊ะที่รสใกล้เคียงของบ้านเรา nasik ayam หรือข้าวไก่ทอดที่แสนคุ้นเคย ทั้งหมดล้วนแล้วแต่ถูกปากคนไทยทั้งสิ้น
เราสามารถหาอาหารอินโดนีเซียกินได้ไม่ยาก เพราะสถานที่ขายก็เหมือน ๆ บ้านเรา ที่มีทั้งร้านอาหารตามสั่ง รถเข็นขายอาหาร และภัตตาคารหรูหรา ราคาค่าอาหารที่นี่แพงกว่าเมืองไทยเล็กน้อย เริ่มต้นที่จานละ50บาท ฉะนั้นเรื่องค่าอาหารจึงไม่เป็นปัญหากับเราชาวไทยเท่าไหร่
ทั้ง Bali และ Yogyakarta มีกิจกรรมที่น่าสนใจหลายอย่างให้เราได้ใช้เวลาทำกัน ลองไปดูกันว่าอะไรที่เราขอแนะนำว่าห้ามพลาดกันบ้าง
SHOPPING
อินโดนีเซียถือเป็นประเทศที่เราสามารถเลือกซื้อของได้อย่างสนุกสนานด้วยราคาที่เป็นมิตร ต่อรองก็ทำได้ง่าย และงานฝีมือสวย ๆ ก็มีให้เลือกเยอะเลยทีเดียว แถมตลาดขายของก็มีมากมายหลายแห่งเสียด้วย
นวดสปาแบบ Bali
นอกจากที่ประเทศไทยแล้วก็มีที่บาหลีนี่แหละที่โด่งดังเรื่องการนวดสปาเข้าขั้นระดับโลก ถ้ามาถึงถิ่นแล้วก็น่าจะลองสปาแบบบาหลีดูเสียหน่อย สนนราคาก็ไม่ได้ต่างกับบ้านเรามากนัก ถือเป็นการผ่อนคลายก่อนจะขึ้นเครื่องบินกลับก็ได้
ลองประสบการณ์พื้นเมือง
ที่นี่มีวัฒนธรรมพื้นบ้านหลายอย่างที่มีเอกลักษณ์ทั้งเครื่องดนตรีที่แปลกตา ประเพณีเฉพาะพื้นที่ หรือการทำอาหารพื้นเมือง ถ้ามีโอกาสได้ร่วมทำกิจกรรมพื้นเมืองต่าง ๆ ก็อย่ารีรอที่จะเข้าร่วมเสียล่ะ รับรองว่าจะเป็นประสบการณ์ดี ๆ แน่นอน
ชมการแสดงพื้นถิ่น
บาหลีมีการแสดงพื้นถิ่นหลายอย่างที่โด่งดังมากที่สุดคงไม่พ้นบาร็องแดนซ์ (BARONG DANCE) เป็นเรื่องราวการต่อสู้ระหว่างความชั่วและความดี สอดแทรกมุกตลกเข้าไปในเนื้อเรื่อง พร้อมการเชิดหุ่นที่ดูน่าตื่นตาตื่นใจ
ที่พักที่บาหลีมีหลายหลายแบบให้เลือกตั้งแต่ระดับ หนึ่งดาวไปจนถึงห้าดาว เราสามารถเลือกที่พักที่เหมาะสมกับเราได้ง่าย ๆ โดยราคาที่พักเริ่มตั้งแต่ไม่กี่ร้อยบาทไปจนถึงหลายพันบาท โดยรวมแล้วค่าที่พักค่อนข้างถูก อาจจะถูกกว่าที่เมืองไทยเล็กน้อยด้วยซ้ำ
ทั้งหมดนั่นคืออินโดนีเซียที่เราได้ไปสัมผัสมาตลอด 5 วัน 4 คืน ขอขอบคุณ Garuda indonesia สำหรับเที่ยวบินทั้งในและระหว่างประเทศที่แสนสะดวกสบาย และขอบคุณ Wonderful package สำหรับการจัดทริปในครั้งนี้
