ประเทศญี่ปุ่นเป็นดินแดนที่มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายมหาศาลหลายร้อยแห่ง ถ้าจะให้ List ชื่อสถานที่น่าสนใจขึ้นมาจำนวนหนึ่ง เชื่อว่า หน้ากระดาษหนึ่งหน้าก็ไม่น่าจะเขียนได้หมด
และท่ามกลางสถานที่ท่องเที่ยวอันมากมายนั้น ภูเขาไฟฟูจิ ก็ยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบ TOP HIT สำหรับทั้งชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติเสมอมา ด้วยรูปร่างที่เป็นเอกลักษณ์ ความสวยงามที่แตกต่างกันไปในแต่ละฤดู และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทำให้การเที่ยวฟูจิเป็นเรื่องง่ายที่ใคร ๆ ก็ทำได้
.
.
ฉะนั้นวันนี้เรามาเที่ยวฟูจิไปพร้อม ๆ กันเถอะ
เส้นทางเที่ยวยอดนิยม
ที่จริงแล้วฟูจิสามารถเที่ยวชมได้จากจุดต่าง ๆ มากมายหลายสิบจุด แต่เส้นทางแนะนำสำหรับมือใหม่ก็คงไม่พ้นรูทยอดนิยมที่จะออกจากโตเกียว เดินทางเป็นวงกลม โดยเริ่มจากนั่งบัสไปที่ Kawaguchiko แล้วต่อไปช็อปปิ้งที่ Gotemba ก่อนที่จะมาสุดที่ Hakone และนั่งรถไฟกลับโตเกียว โดยเส้นทางนี้ใช้เวลาโดยรวมประมาณ 3 วันขึ้นไป
โดยพื้นที่ที่เราแวะ ทั้ง Kawaguchuko / Gotemba / Hakone ต่างก็มีสถานที่ท่องเที่ยวให้แวะชมอย่างมากมาย ในทุกฤดูกาล ไม่ต้องกลัวเลยว่าจะไม่มีที่ให้เที่ยว แต่ให้กลัวว่าจะมีเวลาเที่ยวไม่พอจะดีกว่า
การเดินทาง
เราสามารถทำได้ทั้งการขับรถเที่ยวเอง และการใช้รถสาธารณะ ซึ่งมีข้อดีข้อเสียต่างกันออกไป
โดยการขับรถเที่ยวนั้นจะสะดวก สามารถแวะจุดท่องเที่ยวได้หลายจุด แต่ก็ต้องแลกมาด้วยราคาที่ค่อนข้างแพง ทั้งค่าเช่ารถ ( เริ่มต้นที่วันละประมาณ 2,000 บาท ไม่รวมค่าน้ำมัน ) ค่าทางด่วน และยังต้องมีใบขับขี่สากลด้วย
ส่วนการใช้รถโดยสารสาธารณะนั้น ราคาย่อมเยาว์กว่า เหมาะกับการจำกัดงบประมาณ แต่ก็อาจจะต้องรอรอบรถนานหน่อย แต่หากวางแผนดี ๆ ก็สามารถลดเรื่องการรอรอบรถลงได้
โดยในรูทนี้ Pass ที่แนะนำก็ได้แก่ Fuji Hakone Pass
โดย PASS นี้จะครอบคลุมการใช้งานตั้นแต่การนั่งรถบัสจากโตเกียว มาถึง Kawaguchiko รถบัสภายในบริเวณรอบทะเลสาบ Kawaguchiko รถไปที่ Gotemba และ Hakone รวมถึงเรือล่องทะเลสาบ กระเช้าขึ้นจุดชมวิวที่ Hakone ล้วนแต่รวมอยู่ในตั๋วใบนี้ทั้งหมด และปิดท้ายด้วยรถไฟกลับมาที่โตเกียว โดยราคาตั๋วสำหรับ 3 วันอยู่ที่ 8,000 เยน เหมาะมากสำหรับทริป 3 วัน 2 คืน
สามารถซื้อตั๋ว Fuji Hakone Pass ได้ที่รถไฟสาย ODAKYU สาขาชินจูกุ ถ้าเป็นไปได้ให้ซื้อล่วงหน้าก่อนวันเดินทางหนึ่งวัน และจองรอบรถบัสเอาไว้เลย เพราะบางครั้งการเดินทางในช่วงวันหยุด รถบัสอาจจะเต็มได้

สถานที่และกิจกรรมน่าสนใจ
สำหรับทริป 3 วัน 2 คืน เราขอแนะนำให้พักที่ Kawaguchiko 1คืนและ Hakone 1 คืน โดยสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในแต่ละที่ก็มีดังนี้
KAWAGUCHIKO
SHINJUKU —– bus 2 hours ——> Kawaguchiko station —-> ใช้บริการบัสรอบทะเลสาบเที่ยว
Music forest
พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีที่ไม่ได้มีแค่คอลเลคชั่นของกล่องดนตรีให้ดูเท่านั้น เพราะภายในบริเวณนั้นตกแต่งไว้อย่างสวยงามในสไตล์ยุโรป บ้านหลังเล็ก ๆ น่ารัก น่าถ่ายรูปหลายหลังตั้งอยู่โดยมีฉากหลังเป็นฟูจิ เป็นภาพที่สวยงามเกินจะบรรยายเลยทีเดียว โดยเฉพาะในยามค่ำคืนที่ไฟหลายดวงเปิดขึ้น
ในพิพิธภัณฑ์มีการจัดรอบการแสดงในแต่ละวันเอาไว้ ทั้งการร้องเพลง โชว์กล่องดนตรี และน้ำพุ รวมทั้งมีคาเฟ่บรรยากาศดีให้บริการด้วย รับรองว่าใช้เวลาในนี้ได้หลายชั่วโมงเลย
เวลาทำการ 9:00 to 17:30
ค่าเข้าชม 1500 เยน
Oishi park
สวนริมทะเลสาบที่ปกติก็จะเหมือนสวนสาธารณะทั่ว ๆ ไป แต่ในช่วงฤดูร้อนจะมีดอกไม้บานเต็มสวนไปหมด เหมาะกับการเที่ยวชมดอกไม้พร้อม ๆ กับฟูจิ และไฮไลท์สุด ๆ ก็คือช่วงต้นกรกฎาคมที่มีดอกลาเวนเดอร์บานสะพรั่งทั้งสวน ถือเป็นช่วงที่สวยงามมากที่สุดของปีเลย รอบ ๆ สวนมีร้านกาแฟและแผงลอยขายอาหารหลายแห่ง จะนั่งปิคนิคที่นี่ก็เป็นความคิดที่ดีไม่หยอก
การเดินทางจากสถานี Kawaguchiko ให้นั่งรถบัสรอบทะเลสาบมาสุดสายที่ป้าย Oishi park เลย ถ้าถือบัตร Fuji hakone ก็สามารถใช้บริการรถบัสได้ฟรี
เวลาทำการ 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม ฟรี
Chureito Pagoda
เจดีย์ห้าชั้นที่เห็นอยู่บ่อย ๆ ในใบปิดโฆษณาการท่องเที่ยวญี่ปุ่นแห่งนี้ถือว่าเป็นจุดชมภูเขาฟูจิยอดนิยมอันดับต้น ๆ โดยจะต้องใช้ความพยายามสักหน่อยในการปีนบันไดกว่า 400 ขั้น ขึ้นไปที่จุดชมวิว แต่รับรองว่าพอได้เห็นวิวทิวทัศน์จากข้างบนแล้ว จะหายเหนื่อยอย่างแน่นอน
การเดินทางก็ไม่ยาก นั่งรถไฟสาย Fujikyu จากสถานี Kawaguchiko ไปลงที่ Shimo-Yoshida ใช้เวลา 35 นาที จากนั้นก็เดินต่ออีกราว 10 นาที
เวลาทำการ 24 ชั่วโมง
ค่าเข้าชม ฟรี
Oshino Hakkai
หมู่บ้านวัฒนธรรมขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ที่รวบรวมเอาบ้านเก่าหลายสิบหลังมาจัดแสดงโชว์ในรูปแบบ open air museum ภายในบริเวณจัดบ้านแต่ละหลังเป็นส่วนแสเงโชว์ที่แตกต่างกันออกไป ทั้งการแสดงวิถีชีวิตชนบทในสมัยก่อน หรือการทำเป็นร้านอาหารขนาดย่อม
การเดินทางใช้รถบัสที่วิ่งจาก Kawaguchiko ไปที่ Gotemba แล้วลงที่ป้าย Oshino Hakkai ( รถมีประมาณชั่วโมงละ 1 คัน )
เวลาทำการ 9:00 to 17:00
ค่าเข้าชม 300 เยน
Kachi Kachi Ropeway
กระเช้าที่พาเราขึ้นไปชมวิวที่ยอดของ Mount Tenjo ที่ความสูงจากระดับน้ำทะเลกว่า 1000 เมตร จากที่นี่เราจะสามารถเห็นภูเขาไฟฟูจิอย่างชัดแจ้ง พร้อม ๆ กับทะเลสาบ Kawaguchiko
ที่สถานีข้างบนมีร้านอาหารเล็ก ๆ ให้บริการ รวมถึงจุดถ่ายรูปน่ารัก ๆ อีกหลายแห่ง ถ้าวันไหนอากาศแจ่มใส อย่าพลาดที่จะขึ้นไปชมวิวล่ะ
การเดินทาง ขึ้นรถบัสรอบทะเลสาบลงที่สถานี Yuransen Ropeway Iriguchi
เวลาทำการ 9:00 to 17:00
ค่าเข้าชม 720 เยน
ขี่จักรยานรอบทะเลสาบ
รอบทะเลสาบ Kawaguchiko เป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการขี่จักรยาน ชมวิวทิวทัศน์อันแสนสวยงาม โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง ที่สีสันของรอบทะเลสาบจะเปลี่ยนไปเป็นสีชมพูและเหลืองแดง
สามารถเช่ารถจักรยานได้ตามที่พักต่าง ๆ ที่เรียงรายอยู่รอบทะเลสาบ
GOTEMBA
Kawaguchiko staton —-Bus 45 นาที ——-> Gotemba station
Gotemba premium OUTLETS®
จาก Kawaguchiko นั่งรถบัสต่อมาอีกราว 45 นาที จะมาถึงที่ Gotemba ซึ่งที่นี่นับเป็นจุดแวะพักยอดนิยมสำหรับคนที่จะต่อรถต่อไปที่ Hakone เพราะนอกจากจะอยู่ครึ่งทางพอดีแล้ว ที่นี่ยังมีแหล่ง Shopping ขนาดใหญ่ไว้รองรับอีกด้วย นั่นคือ Gotemba premium OUTLETS® นั่นเอง
ที่นี่รวบรวมแบรนด์สินค้าต่าง ๆ เอาไว้มากกว่า 100ยี่ห้อ ให้เราเลือกจับจ่ายใช้สอยกันอย่างจุใจ ใครที่ขับรถมาก็น่าจะสบายหน่อยเพราะนำของใส่รถกลับไปได้ แต่ถ้าใครนั่งรถบัสมาก็คำนวณน้ำหนักให้ดีเวลาที่จะซื้อล่ะ หรืออักทางแก้ก็คือซื้อเสร็จก็จัดการส่งไปรษณีย์ไปที่โรงแรมปลายทางของเราเสียเลย โดยมีค่าใช้จ่ายแค่เล็กน้อยแท่านั้น
เวลาทำการ 10:00 to 20:00
การเดินทาง จาก Gotemba station มีรถบัสฟรีให้บริการมาที่ Outlet
HAKONE
Gotemba ——– Bus 45 นาที ———–> Togendai จากนั้นเลือกนั้งกระเช้าขึ้นเขา หรือนั่งเรือชมทะเลสาบ หรือนั่งบัสเที่ยวรอบบริเวณ
Ashi lake และกิจกรรมรอบ ๆ
ทะเลสาบที่ห่างจาก FUJISAN ออกมาซักนิดหนึ่ง แต่จากตรงนี้ก็จะสามารถเห็นวิวของภูเขาไฟชื่อก้องได้อย่างชัดเจนเช่นกัน โดยการเดินทางจาก Gotemba จะมาเริ่มต้นกันที่สถานี Togendai จากนั้นเราจะสามารถเลือกได้ว่าจะล่องเรือ นั่งกระเช้า หรือนั่งรถบัสเที่ยวชม
ริมทะเลสาบมีกิจกรรมทางน้ำให้ทำหลายอย่าง ทั้งการล่องเรือในทะเลสาบ การพายเรือเล่น หรือการขึ้นกระเช้าชมวิวในสถานที่ต่าง ๆ ถ้ามีบัตร Fuji Hakone free pass ก็สามารถล่องเรือได้ฟรี
และจาก Tgendai เช่นเดียวกัน เราสามารถต่อขึ้นกระเช้าเพื่อไปดู Owakudani บ่อกำมะถันที่ขึ้นชื่อได้ด้วย โดยถ้าหากเราซื้อ Fufi hakone pass เราสามารถขึ้นได้ทั้งเรือ กระเช้า รถราง และรถไฟ ได้ฟรี โดยเส้นทางการเดินทางของกระเช้า รถราง และเรือเป็นไปตามผังดังนี้ ( ดูจุดเริ่มต้นที่ Togendai ทางซ้ายมือกลางภาพ จะเข้าใจง่ายที่สุด )
ข้อควรระวัง : กระเช้า รถราง เรือ สามารถใช้บริการได้ฟรีเพียงครั้งเดียวต่อยานพาหนะเท่านั้น ถ้าจะย้อนกลับมาทางเดิมต้องใช้บริการรถบัส ( ซึ่งนั่งได้ฟรีไม่จำกัดจำนวน )
Open air museum
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งที่รวบรวมเอาผลงานหลากหลายมาจัดแสดงในพื้นที่ที่กว้างใหญ่พอสมควรทีเดียว เรียกว่าเดินเที่ยวครึ่งวันก็อาจจะไม่หมด ถ้าใครชอบงานศิลปะ และชอบบรรยากาศสบาย ๆ มีจุดถ่ายรูปเยอะ ๆ ก็แนะนำให้แวะที่นี่เลย
เวลาทำการ 9:00 to 17:00
ค่าเข้าชม 1600 เยน
Kowakien Yunessun
Theme park บ่อน้ำพุร้อนที่มีบ่อให้เลือกบริการหลากหลายชนิด ทั้งบ่อชาเขียว บ่อไวน์ บ่อสาเก บ่อกาแฟ บ่อเกลือ และอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ก็ยังมีสระว่างย้ำขนาดใหญ่ และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ อย่างครบครัน สามารถใช้บริการได้แม้จะไม่ได้พักที่โรงแรมก็ตาม
เวลาทำการ 9:00 to 19:00
ค่าเข้าชม 3600 เยน
โรงแรมแนะนำ
HAKONE ASHINOKO PRINCE HOTEL
รีสอร์ทใหญ่ในเครือของ Prince hotel ที่มีบริเวณกว้างขวาง ตัวโรงแรมนั้นทำเป็นทรงกระบอก เว้นพื้นที่ตรงกลางอาคารเอาไว้ และเปิดหน้าต่างรอบทิศทาง ทำให้ห้องแต่ละห้องได้รับวิวที่ไม่เหมือนกัน พื้นที่บริเวณห้องแต่ละห้องก็มีขนาดใหญ่พอสมควรพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ที่น่าประทับใจมากกว่าสำหรับโรงแรมนี้คือส่วนกลางและสถานที่ท่องเที่ยวภายในบริเวณโรงแรม เพราะที่นี่มีทุกอย่างทั้งกระเช้าส่วนตัว พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดเล็ก Shopping mall เล็ก ๆ ร้านอาหารหลากหลาย รวมถึงออนเซนกลางแจ้งด้วย ทำให้ช่วงเวลาที่มาพักที่นี่มีกิจกรรมทำตลอดวัน ไม่ต้องไปไหนไกลเลย
ห้องอาหารที่นี่เป็นอาหารฝรั่งเศส เสิร์ฟเป็นคอร์ส สามารถจองที่นั่งล่วงหน้าได้
การเดินทางถ้าไม่ขับรถมามีรถตรงจากทั้ง Ikebukuro และ Shinjuku มาถึงหน้าโรงแรมเลย สะดวกสบายมาก ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง
ราคาเริ่มต้น 18,000 เยนต่อห้อง
การเดินทาง ขับรถจาก TOKYO ราว 2 ชั่วโมง หรือนั่งบัส จาก Shinjuku 2ชั่วโมง
+ ห้องกว้างขวาง มีรถรับส่งจากโตเกียวถึงหน้าโรงแรม มีสถานที่ท่องเที่ยวภายในบริเวณโรงแรม
การเตรียมตัวในการไปชมฟูจิซัง
1 ฟูจิซังขี้อายมาก โอกาสที่จะเห็นเต็มยอดมีเพียง 50% เท่านั้น ฉะนั้นควรจะค้างคืนเพื่อโอกาสในการเห็นที่มากขึ้น
2 หากไม่สามารถค้างได้ ให้ไปเช้าที่สุด เนื่องจากช่วงสาย หมอกมักจะมาบดบังยอดฟูจิซังเสียหมด
3 ฤดูหนาวมีโอกาสในการเห็นค่อนข้างมาก ( จากประสบการณ์ผู้เขียน )
4 ยอดเขาที่เป็นหิมะนั้นจะหายไปในฤดูร้อน ใครอยากเห็นแบบมียอดหิมะให้ไปเยือนในฤดูอื่น
5 มาช่วงเช้า ๆ น้ำจะนิ่ง เห็นเป็นฟูจิซังพร้อมเงาสะท้อน
6 ในฤดูต่าง ๆ ฉากหน้าจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ทั้งดอกไม้ ซากุระ ใบไม้แดง ฉะนั้นถึง มาซ้ำ ๆ ก็จะได้วิวที่ต่างออกไป
7 พกดวงไปเยอะ ๆ