ขนาดไม่ได้เป็นตัววัดคุณภาพเสมอไป
โดยทั่วไปแล้ว เมื่อเรานึกถึงการไปเที่ยวยุโรป คนจำนวนมากมักจะนึกไปถึงเมืองใหญ่อย่าง ปารีส ลอนดอน มิวนิค โรม ด้วยขนาดเมืองที่ใหญ่ มีอะไรให้ท่องเที่ยวมากมาย แถมชื่อก็ยังคุ้นหูคุ้นเคยกว่าเมืองอื่น ๆ
แต่ท่ามกลางการแข่งขันโปรโมทการท่องเที่ยวของเมืองใหญ่เหล่านี้ Brussels เมืองหลวงของเบลเยี่ยม ประเทศที่มีขนาดไม่ถึง 1 ใน 10 ของฝรั่งเศส กลับผงาดขึ้นมาต่อกรกับเมืองใหญ่ ๆ ชื่อดังได้อย่างสมภาคภูมิ
วันนี้เราจะพาไปชม Brussels เมืองที่หลายคนอาจจะมองข้ามไป แต่ที่จริงแล้ว มีอะไร ๆ มากกว่าเราคิดมากมาย
บรัซเซลส์ ( Brussels) เป็นเมืองหลวงที่อยู่ตรงกลางของประเทศเบลเยี่ยม มีชื่อเป็นทางการว่า Région de Bruxelles-Capitale นอกจากจะเป็นเมืองหลวงของประเทศแล้วยังเป็นเมืองหลวงของสหภาพยุโรป (EU) อย่างไม่เป็นทางการอีกด้วย โดยเขตเมืองบรัซเซลส์แบ่งเป็นเขตย่อยๆ 19 เขต พื้นที่ 161 ตร กม และมีประชากรประมาณ 1,200,000 คน โดยประเทศเบลเยี่ยมนี้ แบ่งพื้นที่เป็น 2เขตตามภาษาที่ใช้ โดยทางเหนือเป็นเขตของชาวเฟลมิช ที่พูดภาษาดัช และทางใต้ของชาววัลลูนใช้ภาษาฝรั่งเศส โดยตัวเมืองบรัสเซลส์นั้นตั้งอยู่ในเขคทางเหนือ แต่มีการใช้ภาษาทั้งสองภาษา โดยสังเกตได้จากป้ายต่างๆภายในเมืองนั่นเอง
การเดินทางไปเบลเยี่ยม
จากไทยมีหลายสายการบินที่ต่อเครื่องไปที่ Brussels ได้เช่น Emirates , Etihad , KLM แต่ถ้าจะบินตรงก็ต้องการบินไทย โดยสามารถตรวจสอบวันและเวลาบินได้ตามเวปไซท์ของแต่ละสายการบิน
ข้อดีของการบินไทยคือมักจะมีโปรโมชั่นการบินร่วมกับบัตรต่าง ๆ อยู่เสมอ อย่างเช่นในช่วงนี้ บัตรเครดิตซิตี้ รอยัล ออร์คิด พลัส พรีเฟอร์ มีโปรโมชั่นสำหรับบัตรหลัก โดยฟรี บริการลีมูซีน 2 ครั้งต่อปีปฎิทิน และ ส่วนลด 50% ในอีก 2 ครั้งในปีนั้น ๆ รวมถึงบริการช่วยเหลือ Meet & Assist ที่สนามบิน ไม่จำกัดจำนวนครั้ง เมื่อเดินทางกับการบินไทย
นอกจากนี้ยังมีบริการห้องพักรับรอง รอยัล ซิลค์ เลาจน์ ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ไม่จำกัดจำนวนครั้ง เมื่อเดินทางกับการบินไทย เส้นทางระหว่างประเทศอีกด้วย และยังสามารถอัพเกรดเป็นสมาชิกบัตรทองการบินไทยได้ง่ายขึ้นเมื่อใช้จ่ายบัตร 1 ล้านบาทขึ้นไป ใน 1 รอบปีสมาชิกบัตร และมีการบินกับการบินไทยในระยะเวลาเดียวกันในเงื่อนไข ดังต่อไปนี้
• บินกับการบินไทยครบ 22,000 ไมล์
• บิน International Flight 15 เที่ยวบิน
ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.citibank.co.th/rop-
โดยทั่วไปค่าโดยสารก็จะอยู่ที่ราว 30,000 ขึ้นไปสำหรับเที่ยวบินไป กลับ ในชั้นประหยัด อาจจะบวกลบบ้างแล้วแต่โปรโมชั่นของแต่ละสายการบินในช่วงเวลานั้น ๆ
การเดินทางภายในเมือง
สนามบินประจำเมืองคือ Brussels airport อยู่ห่างจากตัวเมืองไปราว 20กิโลเมตร สามารถนั่งรถไฟ airport city express เข้าเมืองได้ ใช้เวลา 16 นาที ราคา 8.6 ยูโร หรือรถบัสสาย 12 ใช้เวลาราว 30นาที ค่าโดยสาร 4.5 ยูโร
Metro
ระบบรถไฟใต้ดินเป็นระบบการเดินทางที่สะดวกสบายมากที่สุดในเมือง รถไฟใต้ดินมีทั้งหมด 4สาย โดยรถจะวิ่งทุกๆ 3-10 นาที โดยรถใต้ดินนั้นครอบคลุมสถานที่ท่องเที่ยวเกือบทั้งหมดในเมือง โดยมาตั๋วเหมาจ่ายคือBRUSSELS CARD ตั๋วรถราคาประหยัดที่ใช้โดยสารระบบขนส่งได้ทุกอย่างในพื้นที่รวมถึงสามารถเข้า Museum ได้อีกหลายแห่ง ราคา 24ยูโร /24ชั่วโมง และ34ยูโร/48ชั่วโมง
ไปเยือน BRUSSELS ต้องไม่พลาด
Brussels เป็นเมืองเล็ก ๆ ก็จริง แต่ว่ามีสถานที่น่าสนใจเต็มไปหมด ถ้าไปเยือนแล้วอย่าพลาดไปชมสถานที่เหล่านี้ หรือทำกิจกรรมต่อไปนี้ซะล่ะ
Town hall
อาคารที่สร้างในสมัยยุคกลาง ในสไตล์โกธิคผสมผสานกับบาโรคอันแสนวิจิตรนี้ ตั้งอยู่ทางใต้ของจัตุรัสกรองด์ปลาซ มีความสูงถึง 96เมตร ดูโดดเด่นเป็นสง่า มองเห็นได้จากแทบทุกแห่งภายในเมือง ก่อสร้างเสร็จในปี 1420 โดยตอนที่ก่อสร้างเสร็จนั้น ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิค โดยทั้งตัวอาคารหลักนั้น ล้วนแล้วแต่สร้างด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์นี้ทั้งสิ้น ก่อนที่จะเพิ่มสถาปัตยกรรมแบบบาโรคเข้าไปในปี 1706 และได้ทำการบูรณะครั้งใหญ่ในปี 1840 โดยภายหลังได้มีการประดับตกแต่งรอบอาคารด้วยรูปปั้นจำนวนมาก ส่วนบนของอาคารเป็นหอระฆังทรงแปดเหลี่ยม และตกแต่งประดับด้วยงานแกะสลักนูนต่ำ และตกแต่งยอดปลายแหลมด้วยลายประดับทอง พร้อมรูปหล่อนักบุญมิคาเอล บริเวณยอด
Maison du Roi (Broodhuis) The king’s house
พระราชวังของพระราชา อดีตเคยเป็นที่ทำการกองทัพของเมือง ตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับ Town hall เริ่มก่อสร้างเมื่อปี 1504 แต่ปัจจุบันได้แปรสภาพเป็น พิพิธภัณฑ์ชองเมือง ตั้งแต่ปี 1887 ภายในได้รวบรวมเอาเรื่องราวที่น่าสนใจของเมืองเอาไว้ ทั้งประวัติการก่อตั้งเมือง เสื้อผ้าในยุคสมัยต่างๆ การรบในพื้นที่ต่างๆ และไฮไลท์อยู่ที่ชุดของเจ้าหนูยืนฉี่ Manneken Pis ที่โด่งดัง ซึ่งเก็บรวบรวมเอาไว้กว่า 300ชุดทีเดียว
แมนเนเก้น พิส (Manneken Pis)
หากพูดถึงปฎิมากรรมเด็กยืนฉี่ ทุกคนคงร้องอ๋อ เพราะเคยเห็นจากแบบจำลองในหลายๆที่ทั่วโลก และชิ้นต้นแบบนั้นอยู่ที่ Brussels นี่เอง ปฎิมากรรมนี้ตั้งอยู่ใกล้กับ Grand place ตรงแยก Rue de l’Étuve/Stoofstraat และRue du Chêne/Eikstraat หล่อด้วยทองแดง มีความสูงประมาณ 61 เซนติเมตร มีเรื่องเล่าถึงรูปปั้นนี้หลายแบบเช่น พ่อแม่ของเด็กพลัดหลงกับหนูน้อย และได้อฐิษธานไว้ว่า หากเจอหนูน้อย จะสร้างรูปปั้นในท่วงท่าแบบที่พบเจอ หรืออีกเรื่องก็เล่าว่าต้นแบบของหนูน้อยชื่อ จูเลียนสกี (Julianske) ซึ่งช่วยดับสายชนวนระเบิดโดยการฉี่ใส่ โดยรูปปั้นนี้ถูกขโมยไปหลายต่อหลายครั้งก่อนที่จะมีการสร้างใหม่เป็นชิ้นปัจจุบันโดย ดูเกสนอย ในปี 1618
หนูน้อยนี้แต่งตัวไม่เหมือนกันในแต่ละช่วงเวลา มีชุดกว่า 300ชุดทีเดียว บางครั้งก็ไม่ใส่เสื้อผ้า เราจะเห็นรุปปั้นหนูน้อยนี้ถูกนำไปทำเป้นของที่ระลึกมากมาย ทั้งแก้ว นาฬิกา พวงกุญแจ แม่เหล็กติดตู้เย็น เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่สำคัญของเมืองทีเดียว
หาซื้อวาฟเฟิ่ลและช็อคโกแลทกินและเป็นของฝาก
มาถึงเมืองหลวงแห่งวาฟเฟิ่ล และนครแห่งช็อคโกแลคทั้งที ห้ามพลาดที่จะลิ้มลองของต้นตำหรับ ที่นี่มีร้านขายขนมทั้งสองชนิดนี้ทั่วทั้งเมือง เลือกซื้อเลือกหาได้ตามความพอใจในหน้าตาและกลิ่นเลย รับรองว่าชิ้นเดียวอาจจะไม่พอ หรือถ้าหากจะซื้อเป็นของฝากก็น่าจะถูกใจคนรับอย่างแน่นอน
ถ้าเกิดว่าซื้อเยอะ แนะนำให้ใช้บัตรเครดิต โดยตอนนี้ บัตรเครดิตซิตี้ รอยัล ออร์คิด พลัส พรีเฟอร์ ใช้จ่ายในหมวดร้านอาหาร หมวดท่องเที่ยว และการใช้จ่ายด้วยสกุลเงินต่างประเทศ ใช้จ่ายทุกๆ 15 บาท = 1 คะแนน ซิตี้แบงก์รีวอร์ด = 1 ไมล์สะสม
โดยปกติแล้วการใช้จ่ายปกติจะต้องใช้ 20 บาท = 1 ไมล์สะสม ดังนั้นถ้าใช้จ่ายในต่างประเทศก็จะสามารถเก็บไมล์สะสมได้เร็วกว่าในไทย และหากใช้จ่ายครบ 1,000,000 บาทในหนึ่งปี ก็จะได้โบนัสอีก 25,000 คะแนน แถมได้ต่อสมาชิกบัตรในปีถัดไปด้วย
ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.citibank.co.th/rop-
belgium parliament building
ที่ตั้งของรัฐสภาเบลเยี่ยม ตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับพระบรมมหาราชวัง โดยมีสวน Parc du Bruxelles กั้นกลาง ถูกสร้างขึ้นในปี 1779 ในช่วงที่ Maria-Theresia แห่งราชวงศ์ออสเตรียขึ้นครองบัลลังค์ ก่อสร้างในแบบ Neo classic โดยสถาปนิกชาวฝรั่งเศส Barnab Guimard และถูกตั้งเป็นรัฐสภาในปี 1830 ภายในรัฐสภา เปิดให้เข้าชมแบบทัวร์ ในวันที่ไม่มีการประชุมสภา
mont des arts Belgium
mont des arts แต่เดิมเคยเป็นย่านที่ประชากรหนาแน่น และค่อนข้างจะไม่เป็นระเบียบ จนปลาย คศ ที่ 19 King Leopold II ได้มีความคิดริเริ่ม ที่จะกว้านซื้อที่ดินคืนและสร้างเป็นสวนขนาดใหญ่ขึ้น แต่การก่อสร้างไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิด เพราะหลังจากก่อสร้างไปไม่นานก็ต้องหยุดลง เพราะปัญหาด้านการเงิน จนในปี 1910 กษัตริย์ได้สั่งให้ ภูมิสถาปนิก Vacherot ออกแบบสวนชั่วคราวในพื้นที่บริเวณนั้น แต่กลับกลายเป็นที่นิยมสำหรับชาวเมืองในละแวกนั้น จนปี 1930 โครงการ mont des arts ได้กลับมาทำต่ออีกครั้ง และออกแบบเป็นสวนแนวรูปทรงเรขาคณิตแบบปัจจุบันโดย René Péchère
Cathedral of St. Michael and St. Gudula
โบสถ์ที่มีชื่อเสียงและใหญ่โตที่สุดในเมือง เป็นโบสถ์โรมันคาทอลิค ในรูปแบบสถาปัยกรรมแบบโกธิค มีหอสูง 69เมตรอยู่สองหอ สร้างใน คศ ที่ 10 ก่อนจะแล้วเสร็จราวกลาง คศ ที่ 15 ตัวโบสถ์ มีความยาว 110เมตร กว้าง 50เมตร มีความโดดเด่นด้วยกระจกแบบ stain glass ที่สวยงามรอบโบสถ์ และสวนกว้างใหญ่ที่ด้านหน้า ดูยิ่งใหญ่สมกับตัวโบสถ์
หาตัวการ์ตูนตามท้องถนน
ที่นี่เป็นศูนย์กลางการ์ตูนของยุโรป โดยมีหัวหอกคือการ์ตูนสุดดังแห่งยุคนั้นอย่าง ตินติน จึงมีภาพตัวการ์ตูนกระจายอยู่ทั่วเมือง ถ้าลองดูดี ๆ จะพบงานที่น่าสนใจมากมายเลย
ฟังดนตรีข้างถนน
ศิลปินเปิดหมวกที่จัดแสดงมีอยู่ทั่วทุกหนแห่งสมกับเป็นเมืองแห่งศิลปะ โดยมีเครื่องดนตรีหลากหลายประเภทตั้งแต่แบบที่เรารู้จักกันดีอย่างกีต้าร์ กลอง ไปจนถึงเครื่องดนตรีพื้นเมือง ถ้าถูกใจก็ให้ค่าชมซักนิดหน่อยเป็นกำลังใจ
และนั่นคือ Brussels เมืองเล็ก ๆ น่ารักที่อยากให้ทุกคนได้ลองไปเยือนดูซักครั้ง และเชื่อเลยว่าทุกคนจะเห็นตรงกันว่า ขนาดนั้นไม่ได้สำคัญเสมอไป
