จะมีซักกี่ประเทศกันที่แค่พูดชื่อขึ้นมาก็รู้สึกได้ถึงความสวยงามของธรรมชาติ เพียงหลับตาลงและจินตนาการก็ได้สัมผัสของสายลมแผ่วเบา เคล้ามากับกลิ่นหญ้าอันแสนสดชื่น
ประเทศนั้นเป็นที่ไหนไปไม่ได้นอกจากสวิสเซอร์แลนด์
Beautiful view of the river and the house to Interlaken, Switzerland
สวิสเซอร์แลนด์เป็นประเทศเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่กลางทวีปยุโรป น่าแปลกใจที่ประเทศที่อุดมสมบูรณ์นี้ไม่มีชายแดนที่ติดทะเลเลยแม้แต่นิดเดียว แต่สิ่งที่ได้ทดแทนมาก็คือ ภูเขาน้อยใหญ่มากมายที่เป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่ล้ำค่า อุดมไปด้วยป่าไม้นานาพรรณในฤดูร้อน และเต็มไปด้วยหิมะที่สวยงามน่าค้นหาในฤดูหนาว นอกจากนี้บ้านเรือนและสถาปัตยกรรมของสวิสเซอร์แลนด์ก็ยังสวยงามน่าหลงไหล มีทั้งความน่ารัก แฝงอยู่ท่ามกลางความยิ่งใหญ่ของสิ่งก่อสร้างหลายแห่งที่ก่อเกิดตำนานเรื่องเล่ามากมาย
วันนี้ TravelKanuman จึงขอนำทุกท่านไปพบกับ 6 เมืองของสวิสเซอร์แลนด์ที่พวกเราคิดว่าสวยงามและรู้สึกสดชื่นทุกครั้งที่ไปเยือน มาดูกันเลยว่ามีที่ไหนกันบ้าง
Mürren
นิทานหรือนิยายมักจะบรรยายสรรพคุณของหมู่บ้านแสนสงบสุขว่า ตั้งอยู่ในเทือกเขาหิมะสูงชัน รายล้อมไปด้วยเขาน้อยใหญ่ดูน่าอัศจรรย์ใจ ผู้คนล้วนน่ารักเป็นมิตร อาศัยอยู่ในบ้านหลังไม้เล็ก ๆ ที่มีหน้าต่างเปิดออกมาเห็นวิวอลังการสุดลูกหูลูกตาทุกเช้าไป
ทั้งหมดที่ว่ามานั่นแหละคือ MÜRREN เมืองเล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ระหว่างทางขึ้นยอดเขา Schillthorn ทำให้เมืองนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางภูเขาหิมะหลายลูก ราวกับโดนโอบล้อมด้วยสีขาวรอบทิศทาง

หากไปที่หมู่บ้านเล็ก ๆ นี้อยากให้ลองใช้เวลาสักหนึ่งคืนลองค้างในบรรยากาศที่พิเศษนี้ เพราะมีบ้านพักหลากหลายแห่งให้บริการในราคาที่พอจะสู้ไหวอยู่ แล้วจะลองอาหารพื้นถิ่นที่มีให้บริการในร้านอาหารบริเวณกระเช้าก็ดีนะ อร่อยใช้ได้เลย โดยเฉพาะเมื่อทานซุปร้อน ๆ ท่ามกลางความหนาวเหน็บเนี่ย รู้สึกดีมากเลยจริง ๆ

INTERLAKEN
เมืองที่เป็นฐานที่ตั้งสำหรับนักเดินทางหลาย ๆ คนในการเดินทางไปเล่นสกีหรือพิชิตยอดเขาต่าง ๆ ฉะนั้นที่นี่จึงเป็นเมืองที่ค่อนข้างมีความคึกคักมากเป็นพิเศษโดยเฉพาะย่านการค้าขาย ที่มีของขึ้นชื่อคือ มีดสวิส ขายกันอยู่ทุกที่ไป แต่คำว่าคึกคักนี่ก็ไม่ได้แปลว่าเป็นเมืองใหญ่มีตึกรามบ้านช่องตั้งมากมายอะไรนะ คือคึกคักกว่าเมืองในหุบเขาแค่นั้นเอง แต่ภาพรวมแล้วก็ยังคงเป็นเมืองที่น่ารักน่าเอ็นดูอยู่ไม่ใช่น้อย ถ้าเลือกว่าจะใช้ชีวิตอยู่ที่ไหนในสวิสเซอร์แลนด์ดี ก็อาจจะเลือกเมืองนี้นี่แหละ เพราะไม่เงียบจนเกินไป และก็ไม่วุ่นวายจนทนไม่ได้


ใน Interlaken มีจุดชมวิวและที่ทำกิจกรรมอยู่หลายแห่งเลยทีเดียว โดยจุดชมวิวหลักของเมืองคือ Harder Kulm จะต้องขึ้นรถรางไปบนยอดเขา ซึ่งขอบอกเลยว่าวิวที่ได้รับนั้นสุดยอดมาก ๆ เมืองใหญ่ทั้งเมืองถูกล้อมด้วยเขาหิมะขนาดใหญ่ มีแม่น้ำใสไหลเย็นพาดผ่าน ทุกครั้งที่เห็นเทือกเขาหิมะนี่ก็อดที่จะสดชื่นไม่ได้เลยจริง ๆ
ถึงแม้จะมีหิมะในฤดูหนาว แต่ในฤดูร้อนนี่เองที่เขาทั้งหลายจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวสวยงาม พืชพรรณต่าง ๆ ก็ขึ้นมาหลากหลาย และเพราะดินดี และน้ำดี สมุนไพรหลาย ๆ อย่างของสวิสเซอร์แลนด์จึงมีสรรพคุณยอดเยี่ยมตามไปด้วย ที่เราคุ้น ๆ หูก็เช่น peppermint ที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคและบรรเทาน้ำมูก หรือ Sage ที่ลดอาการปวด บวม และรักษาแผลในช่องปาก
BERN
ให้คนทาย10 คนจะมีซักกี่คนที่ทายว่าเมืองหลวงของสวิสเซอร์แลนด์คือ BERN เพราะชื่ออื่น ๆ อย่าง ZURICH หรือ GENEVA คุ้นหูกว่าเป็นไหน ๆ

แต่ BERN มีความเป็นเมืองหลวงอย่างที่เราว่าน่าจะเป็น คือมีความเจริญใช้ได้ ร้านรวงอะไรที่ว่าดัง ๆ ที่นี่ก็มีให้หมด ห้างสรรพสินค้าก็มี เรียกว่าอยากได้อยากซื้ออะไรก็มีให้ทุกอย่าง
แต่ที่ทำให้ให้ BERN มีเสน่ห์อย่างที่สุดก็คือ OLD TOWN นั่นเอง เพราะย่านเมืองเก่าที่นี่สวยงามและสมบูรณ์เอามาก ๆ เลยทีเดียว

ถ้าเราเดินจากสถานีรถไฟไปตามถนนการค้าหลักของเมือง สองข้างทางต่างเต็มไปด้วยร้านรวงที่แสนคึกคัก ตั้งอยู่ในบ้านรูปแบบสมัยเก่าที่น่าหลงไหล เดินไปก็เพลินไปทั้งจากตัวสถาปัตยกรรมและบรรยากาศผู้คนรอบข้าง
ถ้าจะให้ฟินที่สุด ให้เดินไปเรื่อย ๆ จะมีจุดชมวิวเมืองตั้งอยู่ด้านหลังเมือง จากจุดนี้จะเห็นชาวเมืองมานั่งปิคนิคกัน บ้างก็ทานอาหารในร้าน หรือบางทีก็พกเอาอาหารมานั่งทานกับพื้นชมวิวเมืองเก่าที่สวยอย่าบอกใครเลยทีเดียว โดยเฉพาะเวลาค่ำคืน
ZERMATT
Matterhorn นับเป็นยอดเขาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก และยอดเขานี้ก็มีบ้านอยู่ที่ ZERMATT นี่เอง
Matterhorn เป็นยอดเขารูปทรงพีรามิดที่อยู่ในหมูเทือกเขาแอลป์ ที่พาดเป็นพรมแดนกั้นระหว่างประเทศ สวิสเซอร์แลนด์และอิตาลี โดยยอดมีความสูงถึง 4,478 เมตรเลยทีเดียว ถ้าเทียบเป็นตึกก็คงจะเป็นตึกที่สูง 1,500 ชั้นโดยประมาณ นึกภาพตามแทบไม่ออกเลย
และถ้าจะขึ้น Matterhorn ก็ต้องเริมที่ ZERMATT ทำให้ที่นี่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญมากอีกเมืองหนึ่งของสวิสเซอร์แลนด์ มีโรงแรมร้านค้ามากมายเปิดให้บริการ และแน่นอนว่าเขายังคงสภาพของบ้านเรือนให้มีเอกลักษณ์น่ารักไม่เน้นทำเป็นตึกสูงใหญ่แต่อย่างใด

นั่นเองทำให้ ZERMATT เป็นอีกเมืองที่น่าหลงไหล เพราะไม่ว่าเดินไปทางไหนก็อดพบภาพที่ทำให้เกิดรอยยิ้มไม่ได้ มันดูน่ารักไปเสียหมดทุกอณู และแน่นอนว่ามาถึงนี่ก็ต้องขึ้นไปชมยอดเขา Matterhorn ให้เต็มตา โดยเราต้องนั่งรถรางขึ้นไปหลายสิบนาทีเลย วิวตลอดทางก็เพลินตาที่สุด แต่ที่สุดยอดกว่าก็คือบรรยากาศข้างบนจุดชมวิวนั่นแหละ เป็นที่ ๆ ทำให้เราได้รู้สึกถึงธรรมชาติอันยิ่งใหญ่ได้ดีที่สุดเลย
FRIBOURG
เมืองโบราณที่คงเอกลักษณ์ความเป็นยุคกลางเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยมจนหลาย ๆ คน ขนานนามว่าเป็นเมืองอัศวินของสวิสเซอร์แลนด์เลยแหละ

FRIBOURG เป็นเมืองเก่าแก่ของสวิวเซอร์แลนด์ ภาพลักษณ์อาจจะแตกต่างจากเมืองอื่น ๆ ในประเทศที่เน้นด้านธรรมชาติอยู่ซักหน่อย เพราะที่นี่เป็นเมืองที่ค่อนข้างใหญ่ และมีสถาปัตยกรรมที่ออกไปทางเยอรมันซะมากกว่า
เมืองใหญ่มีแม่น้ำ Sarine ไหลพาดผ่าน ลักษณะเป็นพื้นที่สูงต่ำไล่ระดับจากเขาลงไปสู่แม่น้ำ ทำให้มีภูมิทัศน์ที่สวยงามแปลกตามากทีเดียว เมื่อบวกกับลักษณะสถาปัตยกรรมที่มีเสน่ห์ทำให้การเดินในเมืองนี้ไม่รู้สึกเหนื่อยหรือน่าเบื่อเลย แม้จะต้องใช้แรงกายในการเดินขึ้นลงมากสักนิดนึงเนื่องจากความสูงต่ำของเมืองนี่แหละ

ถ้าใครอยากชมเมืองแบบประหยัดแรงกาย เขาก็มีรถไฟเล็ก ๆ พาชมเมืองสบายขาขึ้นอีกเยอะเลย
LAUTERBRUNNEN
เสียงน้ำตกไหลลงจากเทือกเขา นำพาเอาน้ำใสบริสุทธิ์จากหิมะที่ละลายจากยอดเขาหิมะลงมา และไม่ใช่แค่สายเดียว แต่น้ำตกหลายสิบสายไหลลงมารอบหมู่บ้าน เกิดเป็นภาพที่ไม่น่าเชื่อว่าจะอยู่บนโลกมนุษย์ใบนี้

เราไม่ได้พูดถึงเมืองในจินตนาการ เพราะเมือง ๆ นั้นคือ LAUTERBRUNNEN นั่นเอง
เมืองที่ตั้งอยู่ท่ามกลางเหล่าน้ำตกนี้ตั้งอยู่ในเขตภูเขา Jungfrau อันเลื่องชื่อนั่นเอง โดยเมืองตั้งอยู่บนที่ราบที่ถูกโอบล้อมด้วยภูเขาหลายลูก เกิดเป็นเมืองในหุบเขาที่แสนจะมีเสน่ห์นั่นเอง
เอกลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของเมืองก็คือน้ำตกนั่นเอง โดยน้ำตกสายที่โด่งดังที่สุดก็คือStaubbach Falls ที่ไหลลงมาแทบจะกลางหมู่บ้านเลยทีเดียว เรียกได้ว่าอยู่ในหมู่บ้านก็ได้ยินเสียงน้ำตกไหลลงมาเติมความสดชื่นอยู่ตลอดเวลา
และนั่นคือสวิสเซอร์แลนด์ หนึ่งในดินแดนที่สวยงามที่สุดในโลก