6 วิธีเตรียมพร้อมเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองไม่ต้องง้อใคร

21300

ทุกวันนี้ถ้าจะพูดถึงประเทศสุด HOT HIT ที่นักท่องเที่ยวชาวไทยนิยมไปเยือนกันก็คงจะไม่พ้นดินแดนปลาดิบอย่างแน่นอน ว่ากันว่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวไทยไปเยือนญี่ปุ่นกันนับล้าน ๆ ครั้งเลยทีเดียว

สำหรับคนที่ไปบ่อย ๆ ก็คงจะรู้สึกว่าการไปเที่ยวประเทศนี้มันง่ายแสนง่าย การคมนาคมก็สะดวก อาหารการกินก็ถูกปาก ที่หลับนอนก็หาได้มากมาย  แต่สำหรับคนที่ไปครั้งแรกนั้น แน่นอนว่าต้องมีความกังวลอยู่อย่างมากมายว่าจะสามารถเอาตัวรอดในต่างแดนได้หรือเปล่า

วันนี้เราจึงขอเสนอวิธีเตรียมพร้อมเที่ยวญี่ปุ่นสำหรับนักท่องเที่ยวมือใหม่ ขอรับรองเลยว่าไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของทุกคนแน่นอน


รู้จักช่วงเวลาที่ควรจะเดินทาง

ญี่ปุ่นมี 4 ฤดูที่แตกต่างกันออกไป เราไปแต่ละช่วงก็จะพบเจอกับอะไรที่แตกต่างกัน บางคนเห็นรูปในโปสการ์ดแล้ว ดูใบไม้มีสีแดงสวยงามเลยตัดสินใจไปเที่ยว แต่ดันไปเที่ยวช่วงต้นปี ก็ผิดหวังกลับมา  และที่ทำให้ยากขึ้นอีกก็คือ แต่ละภูมิภาคก็มีความแตกต่างของอากาศพอสมควร เช่นทางเหนือใบไม้จะแดงช่วงเดือน กย – ตค  แต่ทางใต้ แดงช่วง พย – ธค  เรื่องพวกนี้ต้องศึกษาดูให้ดี ๆ

และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือให้พยายามวางแพลนวันที่จะไปเที่ยว โดยหลีกเลี่ยงช่วงหยุดท่องเที่ยวของญี่ปุ่น ซึ่งมีสองช่วงคือ โกลเด้นวีคในเดือนพฤษภาคม และโฮบงในเดือนสิงหาคม  เพราะถ้าเราไปชนกับช่วงวันหยุดของคนญี่ปุ่น เราจะหาที่พักได้ยากมาก และราคาที่พักก็จะแพงมากด้วย การหาร้านอาหาร หรือเข้าสถานที่ท่องเที่ยวก็จะลำบากขึ้นหลายเท่า เพราะนักท่องเที่ยวที่มากมายนั่นเอง


เตรียมตัวเรื่องแผนการเดินทางให้ดี

สำหรับคนที่เดินทางเป็นครั้งแรก ๆ ปัญหาหลักคือเรามักจะแพลนทริปกระโดดไปมา ทำให้เสียเวลาในการเดินทางมาก บางทีต้องนั่งรถย้อนไป ย้อนมานานเป็นชั่วโมง ๆ หรือแย่กว่านั้นคือนั่งรถวนไปมาระหว่างจังหวัดกันทีละ 4-5 ชั่วโมงก็มี

วิธีแก้ง่าย ๆ โดยใช้เทคโนโลยีเข้าช่วยคือ ลองใช้ Googlemap ให้เป็นประโยชน์ ลองนำเอาสถานที่ที่เราสนใจจะไปมาปักหมุดใน Googlemap ดู แล้วดูว่าควรไปที่ไหนก่อนหรือหลังไม่ให้เส้นทางทับซ้อนกัน

โดยวิธีใช้ Googlemap ง่ายนิดเดียว ให้เราเข้าที่หน้าแรก เลือก สถานที่ของคุณ ที่แถบซ้ายบนของแผนที่

จากนั้นเลือกแผนที่ และกด ดูแผนที่ทั้งหมดของคุณ

กดสร้างแผนที่ใหม่ คราวนี้เราก็จะสามารถใส่สถานที่ต่าง ๆ ลงไปในแผนที่และสามารถวางเส้นทางการเดินทางในแต่ละที่ได้อีกด้วย

อีกประการหนึ่งคือ ให้พยายามแพลนทริปโดยเผื่อเวลาเอาไว้ให้หลวม ๆ บ้าง  จริงที่เราอาจมีช่วงวันหยุดจำกัด บางทีแค่เจ็ดหรือสิบวัน บางครั้งเลยลงแพลนท่องเที่ยวไว้ซะเยอะเชียว  เพราะอยากเที่ยวให้ครบ แต่กลับกลายเป็นว่าทริปแน่นเกินไป เสียเวลาเดินทางซะมาก แต่ได้ใช้เวลาดื่มด่ำกับแต่ละสถานที่นิดเดียวเอง  ฉะนั้นเราควรปล่อยวันหลวมๆ และอยู่กับสถานที่เที่ยวที่หนึ่งให้นาน ๆ เพื่อเก็บวิว เก็บบรรยากาศสวย ๆ ของที่นั่น ดื่มด่ำกับธรรมชาติ อันที่จริงแล้วหนึ่งวันสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวหนึ่งที่ในถือว่ากำลังเหมาะ และถ้าเป็นที่เที่ยวที่มีความพิเศษ อย่างเช่นจุดชมภูเขาไฟที่สวย เป็นไปได้ก็ควรค้างซักหนึ่งคืน เพื่อจะได้ตื่นมาชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า จำเอาไว้ว่าอย่าพยายามเก็บแต้ม หรือเก็บสถานที่ให้เยอะ ๆ  แต่ให้ลองไปน้อย ๆ สถานที่ แต่ได้อะไร ๆ ในที่นั้นเยอะ ๆ ดีกว่า


อุปกรณ์ฉุกเฉินเตรียมไปให้พร้อม 

สำหรับนักเดินทางโดยเฉพาะสาว ๆ ต้องเตรียมตัวให้พร้อมรับสถานการณ์ต่าง ๆ ให้ดี โดยเฉพาะบางอย่างเป็นสิ่งที่เรามักจะลืมและคาดไม่ถึง สำหรับคำแนะนำของเรานั้น สิ่งที่ไม่ควรจะลืมเด็ดขาดเลยก็มีตามนี้

  • เสปรย์กันกลิ่นอับ  ตอนเริ่มเดินทางมักจะไม่นึกถึงกัน และพอผ่านไปซักพัก เดินเยอะ ๆ รองเท้าเริ่มมีกลิ่นอับ เสปรย์พวกนี้แหละที่ช่วยได้เยอะมากเลย
  • นกหวีด หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน แล้วเราตกใจต้องการร้องตะโกนหาความช่วยเหลือแต่กลัวเสียงจะไม่ดังพอ  การพกนกหวีดเล็ก ๆ ไว้ที่กระเป๋าเสื้อหรือจุดหยิบใช้สะดวกสามารถช่วยได้   เป่าให้ดังสุดเสียง ( รับรองดังยิ่งกว่าดัง ) ยิ่งคนมองเรามากเท่าไหร่ยิ่งปลอดภัยมากเท่านั้น
  • แผ่นประคบร้อน Therma plast  สำหรับสาว ๆ ปัญหาหนักที่สุดระหว่างการเดินทาง ( ที่จริงถึงไม่เดินทางก็เป็นปัญหาอยู่ดี ) ก็คือการที่เป็นช่วงวันนั้นของเดือนนั่นเอง ปกติแล้วเวลาเราไปเที่ยวก็ต้องเดินเยอะ ทั้งขึ้นรถ ลงเรือ ปีนเขา แค่สภาพร่างกายปกติก็ทั้งเหนื่อยทั้งลำบากแล้ว ถ้ายิ่งมีอาการปวดท้องมาผสมโรงด้วยล่ะก็ จากทริปสนุก ๆ อาจจะกลายเป็นทริปสุดทรมานไปเลยก็ได้ฉะนั้นเราจึงแนะนำให้ติดเจ้า แผ่นประคบร้อน Therma plast เอาไว้ที่หน้าท้อง  เชื่อไหมว่าความร้อนที่ออกมาจะช่วยบรรเทาอาการปวดได้อย่างดีเลยทีเดียว  โดยปิดทีเดียวอุ่นได้ยาวนานกว่า 10 ชั่วโมงเลย ดีกว่ากระเป๋าน้ำร้อนแบบพกพาตรงที่ไม่ต้องลุกขึ้นไปเปลี่ยนน้ำร้อนระหว่างคืนด้วย แถมพกพาง่ายสะดวก เพราะเป็นแค่แผ่นบาง ๆ โดยเจ้าแผ่นทำความร้อนตัวนี้วิธีใช้งานก็ง่ายดายมาก แค่ฉีกซองและลอกแปะแค่นั้นเอง  ที่จริงแล้วถึงไม่ออกเดินทางก็ถือว่าสะดวกสำหรับการพกพาเช่นกัน ใช้ง่ายแม้แต่ในชีวิตประจำวันเลยแหละ

    นอกจากประโยชน์เรื่องลดอาการปวดในวันเบา ๆ แล้วก็ยังสามารถใช้เพื่อเพิ่มความอบอุ่นของร่างกายได้ด้วย เพราะญี่ปุ่นได้ชื่อว่าเป็นประเทศอบอุ่นก็จริง แต่มีอากาศอากาศเย็นมากกว่า 8 เดือนเลยทีเดียว และในตอนหนาว ๆ แผ่นประคบร้อนช่วยได้อย่างมาก แค่ใส่ไว้ในเสื้อก็อบอุ่น  หรือจะเอามาอังที่มือก็ดี ( เราเคยมือแข็งจนทำมือถือตกแตกมาสองครั้งแล้ว T__T )จำได้ว่ามีทริปนึงที่ฮอกไกโดช่วงต้น ๆ ปี ที่ใคร ๆ แม้แต่คนญี่ปุ่นก็ยังบอกว่าหนาวไปจนถึงขั้วกระดูก  แล้วเราดันลืมเอาเสื้อกันหนาวไป ( จริง ๆ ก็เอาไปแล้วล่ะ แต่เอาไปแค่2 ชั้น ซึ่งเพื่อนญี่ปุ่นของเราบอกว่าเค้าใส่กัน 5 ชั้นนะยูวววว  )  ตอนนั้นจะไปเอาเสื้อกันหนาวเพิ่มที่ไหนก็ไม่มีแล้ว ก็ได้เจ้าแผ่นนี่แหละเป็นตัวช่วยอังไว้ทั้งที่ตัว แปะในถุงมือ รวมถึงแปะไว้ในรองเท้าด้วย  อันนี้สำคัญ เพราะจากประสบการณ์แล้ว ส่วนที่เรามักโดนโจมตีด้วยความหนาวได้ง่ายที่สุดคือมือกับเท้านี่แหละ โดยเฉพาะเท้า ถึงแม้รองเท้าเราจะกันน้ำอย่างดี แต่ถ้ามีเศษหิมะหลุดเข้าไปล่ะก็รับรองว่าหนาวสั่นสุด ๆ แถมหาทางแก้ไม่ได้อีกด้วย นอกจากจะหาทางเพิ่มความอุ่นให้เท้านี่แหละ ช่วยชีวิตเอาไว้ได้อย่างดีเลยและสำหรับผู้หญิง เมื่อถึงวันนั้น ๆ ของเดือน ยังสามารถใช้ลดอาการปวดประจำเดือนได้อีกด้วยนะ โดยความร้อนหรืออุ่นจะไปช่วยคลายปวดได้อย่างดีนักล่ะ  แถมวันไหนถ้าเกิดเดินมาเยอะ ๆ เกิดอาการปวดเนื้อปวดตัว ก็ยังสามารถนำมาใช้แปะลดปวดได้อีกนะเออ สารพัดประโยชน์จริง ๆ
    แผ่น Therma plast หาซื้อได้ทั่วไป ทั้งตามร้านสะดวกซื้อและร้านขายยา ในไทยนี่เดินไป 7-11 ก็มีแทบจะทุกสาขานะ หรือถ้าลืมซื้อจริง ๆ จวนตัวสุด ๆ ที่สนามบินสุวรรณภูมิตรงร้าน Boots แถว ๆ Lounge Kingpower  ก็มีขายนะ หาซื้อกันก่อนขึ้นเครื่องก็ได้
  • หนังสือท่องเที่ยวฉบับพกพา (ในแทปเลต) คนในยุคก่อนมักมีปัญหาการต้องพกพาหนังสือนำเที่ยวที่ทั้งหนักและใหญ่ โดยเฉพาะทริปยาว ๆ นั้น การจะพกพาหลาย ๆ เล่มก็เป็นเรื่องลำบากไม่ใช่น้อย  แต่ในสมัยนี้หนังสือหลาย ๆ เล่มก็มีการออกเป็นE book ให้เลือกซื้อแล้ว เช่น Lonely planet ที่มีออกมาให้เลือกซื้อแทบทุกประเทศ ข้อดีนอกจากจะเบาสบายแล้ว ยังขีดเขียนโน้ตต่าง ๆ ลงในหน้าต่าง ๆ ได้เลยโดยไม่ต้องกลัวว่าจะลบไม่ได้ในภายหลังอีกด้วย

  • ยาสามัญ  ในญี่ปุ่น ยาส่วนใหญ่จะเขียนชื่อเป็นภาษาญี่ปุ่น คนขายก็พูดภาษาญี่ปุ่น แค่จะซื้อยาแก้ปวดก็ต้องสื่อสารกันแทบตาย  ฉะนั้นเราจึงควรเตรียมพร้อมไว้ตั้งแต่ก่อนออกทริป ยาแก้ปวด ยาแก้ท้องเสีย ยาลดกรด ยาแก้เมารถ เตรียมไปให้พร้อมสรรพ รวมถึงพวกพลาสเตอร์ปิดแผลด้วย
  • พลาสเตอร์กันรองเท้ากัด  เป็นอีกหนึ่งไอเทมที่ควรพกติดตัวไปด้วย เพราะการเดินทางหลักของเราในญี่ปุ่นคือการเดิน เดิน และเดิน ฉะนั้นการรักษาเท้าของเราให้สมบูรณ์ที่สุดจึงสำคัญมากที่สุด โดยแปะแผ่นกันรองเท้ากัดไว้ที่ส้นเท้าและบริเวณปลายเท้า ช่วยได้เยอะเลยสำหรับนักเดินทางที่ชอบเดินเยอะ ๆ

ใช้ PASS ให้เหมาะกับทริป

หลักการในการเลือกใช้ Pass ไม่ใช่แค่ดูว่าประหยัดที่สุดหรือเปล่า แต่ให้มองถึงเรื่องความสะดวกและเหมาะสมกับการเดินทางเราที่สุดหรือเปล่า

สำหรับบางคน ที่การคำนวนว่าค่าเดินทางแต่ละรอบนั้นคุ้มค่ากับราคา Pass นั้นสำคัญที่สุด ก็ให้ลองจำแนกการเดินทางออกมาเลย โดยคำนวนค่าเดินทางจาก Hyperdia.com ดู ถ้ารวม ๆ แล้วค่า Pass คุ้มค่าก็ซื้อได้เลย

แต่สำหรับบางคนที่ใช้เพื่อความสะดวกสบาย โดยไม่คำนึงถึงความคุ้มค่ามากเป็นอันดับแรก  ก็สามารถซื้อ Pass ได้เช่นกัน เช่นคำนวนออกมาแล้ว ค่า pass แพงกว่าการซื้อเป็นรอบ ๆ ไปประมาณ 300 บาท แต่ก็ยอมจ่ายได้ เพื่อความสบาย ไม่ต้องซื้อตั๋วเพิ่มบ่อย ๆ  ถือตั๋วใบเดียวเข้าไปทุกสถานี

ฉะนั้น อย่าจำกัดการซื้อแค่ความคุ้มราคาของตั๋ว ให้คำนึงถึงความสะดวกของเราด้วย เพราะในความเป็นจริงเวลาออกทริป บ่อยครั้งที่เรานั่งรถวนไปมานอกแผนบ่อย ๆ การมี pass จะช่วยลดค่าใช้จ่ายส่วนนี้และทำให้เราไม่คิดมากในการตัดสินใจเดินทางออกไปเที่ยวที่อื่น ๆ นอกแผน


จองโรงแรมให้เหมาะกับทริปและตัวเรา

โรงแรมในญี่ปุ่นมีหลากหลายแบบ หลายราคาและทำเล การที่เราจะไปดูรีวิวแนะนำโรงแรมแล้วเลือกตามเขาเลยนั้นบางทีมันก็ไม่เหมาะกับสไตล์ของเรา

ยกตัวอย่างง่าย ๆ ถ้าคุณเป็นผู้หญิง ชอบความเป็นส่วนตัว และต้องการห้องน้ำที่ใช้ทำธุระแบบไม่ต้องเกรงใจใคร ห้องที่เหมาะกับคุณต้องไม่ใช่ห้องนอนรวม หรือห้องน้ำรวมอย่างแน่นอน ไม่ว่าคะแนนรีวิวของห้องพักนั้นจะดีแค่ไหนก็ตาม แต่มันไม่ได้เหมาะกับสไตล์ของเรา

ฉะนั้นเลือกห้องพักที่เหมาะสมกับเรา โดยมีหลักการง่าย ๆ ที่ต้องดูดังนี้

  • ห้องเป็นแบบไหน นอนรวม ห้องเดี่ยว นอนพื้น หรือเป็นเตียง สูบบุหรี่ได้ไหม
  • สถานที่ตั้ง อยู่กลางเมือง ( เหมาะกับคนที่ต้องการเดินทางสะดวกใช้รถไฟฟ้า) หรืออยู่ไกลออกไป สงบ วิวดี (​เหมาะกับคนที่ขับรถเที่ยวต่างจังหวัด )
  • ราคา รับได้ที่ราคาแค่ไหน อย่าตัดสินที่ราคาถูกอย่างเดียว
  • สิ่งพิเศษอื่น ๆ เช่น ที่พักมีวิวสวย มีออนเซน หรือมีกิจกรรมเฉพาะเช่นเช่นสกี

วางแผนและแก้สถานการณ์กันวันต่อวัน

สุดท้ายแล้วถึงเราเตรียมทุกอย่างมาพร้อมแค่ไหน ก็ต้องมีอุปสรรคมาเสมอ ๆ การใจเย็นและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างรอบคอบ จะช่วยให้ทริปไม่สะดุด เราขอแนะนำการเตรียมตัวคร่าว ๆ ดังนี้

  • เช็คสภาพอากาศของวันพรุ่งนี้เสมอ เพราะญี่ปุ่นค่อนข้างแม่นเรื่องการพยากรณ์ คงจะไม่สนุกหรอกถ้าเราวางแผนเดินกลางแจ้งชมดอกไม้บานแล้วมีฝนตกหนัก เราสามารถปรับเปลี่ยนแผนได้ทันท่วงทีโดยสลับเอาสถานที่ท่องเที่ยวในร่ม หรือห้างสำหรับ shopping มาแทนในวันฝนตก
  • เตรียมเบอร์ติดต่อฉุกเฉินไว้เสมอ ทั้งเบอร์โรงแรม สถานฑูต หรือประกันภัย  อย่างน้อยมีเหตุอะไรเกิดขึ้นก็พอจะวางใจได้
  • เช็คเวลาเปิด ปิด ของสถานที่ และตารางเดินรถให้ดี เพราะบ่อยครั้งที่เที่ยวเพลินจนรอบรถหมด คราวนี้ล่ะ ลำบากแน่นอน
Red Tori Gate at Fushimi Inari Shrine in Kyoto, Japan

สุดท้ายสำหรับนักเดินทางทุกท่าน อยากจะบอกเอาไว้ว่า ถ้าเราเตรียมตัวทุกอย่างมาพร้อมแล้วล่ะก็ ไม่จำเป็นจะต้องกังวลเลย เที่ยวได้สนุกสนานและรับรองว่าจะมีความทรงจำดี ๆ กลับไปอย่างแน่นอน