ประเทศจีนเป็นประเทศที่ร่ำรวยไปด้วยทรัพย์สินมากมายทั้งจากธรรมชาติ และสิ่งก่อสร้างโดยมนุษย์ ถ้าจะนับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในประเทศจีนแล้วล่ะก็ เราอาจจะต้องใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนในการเขียนรายชื่อสิ่งมหัศจรรย์เหล่านั้นออกมาเลยทีเดียว การเที่ยวจีนจึงเป็นอะไรที่น่าสนใจอย่างมากสำหรับนักเดินทางทุกคน
แต่ทั้ง ๆ ที่มีสิ่งน่าสนใจอยู่อย่างมากมายในดินแดนมังกรแห่งนี้ แต่ชาวไทยหลาย ๆ คนก็ยังอดที่จะกังวลไม่ได้ที่จะลองไปเยือนดินแดนแห่งนี้ด้วยตัวเอง เพราะเสียงลือเสียงเล่าอ้างจากหลากหลายผู้คนต่างกล่าวกันว่า ประเทศจีนมีหลาย ๆ อย่างที่ไม่พึงประสงค์ ทั้งความสกปรก ไม่ถูกสุขอนามัย อาหารการกินแปลก ๆ รวมถึงสภาพอากาศและผู้คนที่ดูจะไม่ค่อยเป็นมิตรกับสุขภาพของเราชาวไทยนัก เหตุผลเหล่านี้นี่เองที่ทำให้หลาย ๆ คน พลาดโอกาสในการไปสัมผัสประเทศอันน่าค้นหาแห่งนี้ไปอย่างน่าเสียดาย
ในปีนี้เราตัดสินใจไปเยือนจีน ในส่วนของจางเจียเจี้ยในช่วงเดือนเมษายน ซึ่งเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดของเมืองไทย เหตุผลหนึ่งเพราะจะหลบร้อนนั่นแหละ เพราะแม้ที่เมืองไทยจะร้อนตับแลบแค่ไหน อุณหภูมิในจางเจียเจี้ยช่วงนี้ก็จะช่วงที่ราว 15-25 องศาเท่านั้นเอง เย็นสบายกว่าที่ไทยเยอะเลย
ฉะนั้นวันนี้เราจะมาแนะนำวิธีการรับมือประเทศจีนกัน จากประสบการณ์ที่เราเดินทางไปจีนมากนับสิบครั้งก็พอจะทำให้เราได้รู้วิธีเตรียมตัวมาบ้าง มาดูกันเลยว่าทริปล่าสุดของเราที่สถานที่มหัศจรรย์อย่าง จางเจียเจี้ย นั้น เราเตรียมตัวกันอย่างไรบ้าง
เตรียมยารักษาให้พร้อมและครอบคลุม
ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในทริป ฉะนั้นการเตรียมตัวพร้อมรับสถานการณ์เป็นสิ่งที่ดีที่สุด โดยทั่วไปนั้นอาการสามัญที่เรามักจะเป็นก็คือ อาการตัวร้อน เป็นไข้ เมารถ ปวดหัว หรืออาจจะเป็นอุปกรณ์ทำแผลเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ เตรียมยาและอุปกรณ์ทั้งหมดนี้เอาไว้ให้พร้อมก่อนออกเดินทาง อย่าคิดว่าเอาไว้ไปหาซื้อในที่ปลายทางเอาก็ได้ เพราะยาหลาย ๆ อย่างก็ไม่ได้มีขายในทุกประเทศ ซ้ำร้ายกว่านั้นในประเทศจีน การจะสื่อสารกับคนขายยาก็ยากเย็นแสนเข็ญ บางทีต้องเล่นเกม 20 คำถามกันเลยทีเดียวกว่าจะรู้ว่าเราป่วยเป็นอาการอะไร
และอีกอาการหนึ่งที่มักจะพบเจอกันบ่อย ๆ ก็คือ อาการท้องเสีย เนื่องจากอาหารในประเทศจีนนั้นส่วนใหญ่มีความมันค่อนข้างมาก ท้องของบางคนก็ไม่ได้รับตรงส่วนนี้ได้มากนัก ฉะนั้นก็ควรเตรียมยาที่แก้อาการท้องเสียไปด้วย ซึ่งเราก็เตรียม Bioflor ไป โดยยาตัวนี้ก็จะมีลักษณะเป็นจุลินทรีย์ตัวเล็ก ๆ ที่จะช่วยปรับสมดุลในลำไส้ของเรา โดยสามารถรักษาอาการในระบบทางเดินอาหารได้หลายกรณี เช่นท้องเสีย หรือลำไส้แปรปรวน ติดเชื้อแล้วทำให้เกิดลำไส้อักเสบ เป็นต้น
แนะนำเพิ่มเติมในชีวิตประจำวันเราอาจจะไม่ได้เดินทางไปเที่ยวไหนเป็นพิเศษ ก็สามารถกินได้เพราะมันคือยาแก้ท้องเสียนั่นเอง
ส่วนยาอื่น ๆ นั้น สำหรับคนที่มักมีอาการปวดเมื่อยล้าบ่อย ๆ ให้พกยาคลายกล้ามเนื้ออย่าง norgesic ติดตัวไปด้วย เหมาะกับเวลาที่ปวดจนทนไม่ไหว แต่ข้อเสียก็คือจะทำให้ง่วงและค่อนข้างอ่อนแรง (เพราะไปคลายกล้ามเนื้อนั่นเอง )
ยาแก้ไข้ทั่วไปพวกพาราเซทตามอลก็อย่าลืมติดไว้ น่าจะได้ใช้แน่นอน รวมไปถึงยาแก้ไอ สเปรย์ฉีดคอแก้เจ็บคอ กับยาทาแก้ร้อนใน ก็ควรติดไว้ด้วย
เตรียมเสื้อผ้าเที่ยวจีนให้เหมาะสม
แน่นอนว่าก่อนจะออกเดินทางทุกครั้ง เราจำเป็นที่จะต้องตรวจสภาพอากาศของสถานที่ที่จะไปทุกครั้ง ไม่ใช่แค่ตรวจแค่สภาพอุณหภูมิเท่านั้น แต่เรื่องฝนตก แดดออก หิมะตก ก็ควรจะเช็คให้เรียบร้อยด้วย คงไม่ใช่เรื่องสนุกแน่นอนถ้าหากเรามีแต่เสื้อบาง ๆ ในขณะที่อุณหภูมิภายนอกอยู่ต่ำกว่าศูนย์ หรือเตรียมไปแต่เสื้อที่ชื้นง่าย ในสภาพอากาศที่มีฝนตกตลอดเวลา
วิธีการง่าย ๆ ขั้นแรกก็คือเช็คก่อนว่าจุดหมายที่เราจะไปนั้นอยู่ในฤดูอะไร โดยทั่วไปในประเทศจีน ฤดูหนาวจะเริ่มราวเดือนธันวาคม ถึงกุมภาพันธ์ และจะเป็นฤดูใบไม้ผลิในเดือนมีนาคมถึง พฤษภาคม ( ซึ่งก็มักจะมาพร้อม ๆ กับฝน ) ก่อนจะเข้าช่วงหน้าร้อนในช่วงมิถุนายนถึงสิงหาคม ที่จะร้อนแล้งมาก ๆ ในหลายพื้นที่โดยเฉพาะทางตอนใต้ของจีน และเข้าฤดูใบไม้ร่วง ราว กันยายนถึงพฤศจิกายน
ในทริปจางเจียเจี้ยของเรานั้นอยู่ในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นฤดูร้อน อุณหภูมิกำลังดี แต่มีฝนตกมาก ก็ต้องเตรียมเสื้อผ้าที่สามารถทนฝนได้ไปเป็นส่วนใหญ่ เสื้อผ้าก็คัดไปที่ทนความหนาวได้พอสมควร เพราะอากาศจะหนาวเฉพาะช่วงเช้าและหัวค่ำเท่านั้น ช่วงกลางวันอากาศค่อนข้างร้อนชื้น ถ้าใส่เสื้อหนาเกินไปจะกลายเป็นอึดอัดเสียเปล่า ๆ สำหรับคนที่พกกล้องและใช้สองมือถ่ายรูปเสมอ แนะนำให้ใส่เป็นเสื้อกันฝนก็ดี เพราะจะได้ไม่ต้องมาคอยกังวลกับการถือร่มมากนัก
อย่างไรก็ดี เตรียมเสื้อผ้าไปเยอะสักหน่อยถ้ารู้ว่าต้องไปเที่ยวในวันที่ฝนตก พยายามอย่าให้ตัวชื้นไว้เป็นดีที่สุด กระเป๋าเดินทางก็ต้องดูให้ดีอย่าให้น้ำเข้าได้ เพราะไม่สนุกแน่ถ้าเสื้อผ้าในทริปของเราเปียกปอนไปเสียทั้งหมดตั้งแต่วันแรก ๆ
อีกวิธีที่เราใช้กันบ่อย ๆ คือเสื้อชั้นใน เรามักเตรียมตัวเก่า ๆ ที่พร้อมจะทิ้งเอาไปในทริป ส่วนใหญ่ถ้าใส่ในวันที่เดินทางเยอะ มีเหงื่อมาก เราก็มักจะทิ้งไปเสียเลย ไม่ต้องเสียดายมากมายนัก หรือบางคนจะเลือกใช้ชุดชั้นในกระดาษแบบใช้แล้วทิ้งก็ได้เหมือนกัน
เลือกที่พักที่เหมาะสม
หลายคนอาจจะงงว่าการเลือกที่พักมีผลต่อสภาพร่างกายด้วยหรือ ? ขอตอบว่ามีผลอย่างมากมาย เพราะที่พักแต่ละแบบนั้นมี character ที่แตกต่างกัน
ขั้นแรกเลยสำหรับนักเดินทางราคาประหยัด เรามักจะพอใจที่จะนอนรวมในห้องพักแบบ Dorm บางทีก็นอนกัน 4 คน จนถึง 12 คนเลยทีเดียวทีนี้พอคนเริ่มเยอะ ผลที่ตามมาก็คือ มักจะมีซักคนในห้องที่นอนกรน บางคนที่มีประสาทรับฟังไวมาก ๆ ก็มักจะนอนแทบไม่หลับเลยเมื่อมีคนกรนออกมา หลายคนนอนไม่หลับทั้งคืน ตื่นมานอกจากไม่สดชื่นแล้วก็ยังเจ็บไข้ได้ป่วยไปเสียอีก
สำหรับคนที่ไม่ได้นอนรวมก็ยังมีเรื่องที่ต้องกังวล เช่นที่ห้องมีเครื่องทำความร้อนที่ดีพอไหม เพราะในฤดูหนาวที่จีนก็หนาวได้ใจไม่แพ้ใครเหมือนกัน ใครที่ไม่ชินก็อาจจะนอนไม่หลับทั้งคืนก็ได้ หรืออย่างเครื่องทำน้ำอุ่นที่บางแห่งไม่มีให้บริการก็อาจจะทำให้เราไม่ได้อาบน้ำเลยก็เป็นได้
ระยะทางและที่ตั้งของที่พักก็มีผลอย่างมาก ไม่สนุกเลยถ้าเราเลือกที่พักที่ห่างไกลจากตัวชุมชนไปไกล บางครั้งเพราะเห็นแก่ราคาถูก ทำให้ต้องเดินไกลมาก ในหลาย ๆ เมืองนอกจากไกลแล้ว ทางเดินยังค่อนข้างมืด เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ และที่เลวร้ายกว่านั้นคือเสี่ยงต่อการถูกปล้นจี้อีกด้วย ฉะนั้น ยอมเพิ่มเงินซักนิดเพื่อที่พักที่ทำเลดีกว่าจะปลอดภัยต่อตัวเองและทรัพย์สินมากกว่า
ฉะนั้นเลือกที่พักทุกครั้งสอบถามสภาพห้องให้แน่ใจก่อนจองจะได้ไม่มีปัญหาตามมา
ระวังเรื่องอาหารการกิน
จีนแผ่นดินใหญ่นับเป็นครัวของโลกอย่างแท้จริง อาหารจีนมีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 4,000ปี มีชนิดอาหารมากมายหลากหลายเกินกว่าเราจะจินตนาการเลยทีเดียว
อาหารในแต่ละภาคก็แตกต่างกันไป มีหลายครั้งที่ใช้วัตถุดิบที่เราไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่ เช่น แมลงต่าง ๆ ผักแปลก ๆ น้ำมัน หรือเครื่องปรุงรสอย่างหมาล่าที่มีรสเผ็ดแสบและซ่าที่ลิ้น ( จริง ๆ เราชอบหมาล่ากันมากเลย แต่หลังจากกินเสร็จแล้วบางทีลิ้นก็ชาต่อเนื่องไปอีกเป็นสัปดาห์เลยทีเดียว กินอาหารในมื้ออื่น ๆ ไม่อร่อยเอาเสียเลย ฉะนั้นขอเตือนว่าถ้าอยากกินอาหารให้อร่อยจนจบทริป กินหมาล่าแต่พอดี จะดีที่สุด )
อาหารแปลก ๆ เหล่านี้เราต้องระวังให้ดี โดยเฉพาะอาหารรถเข็น ถ้าอยากลองกินก็สามารถลองได้ แต่ดูลักษณะของร้านค้าให้ดีว่าถูกสุขลักษณะ หรือไม่ได้มีการใช้วัตถุดิบแปลก ๆ ( อันนี้เดายากซักหน่อย เพราะเนื้อที่เอามาปิ้งย่างบางทีเราก็ดูและแยกไม่ค่อยออกเหมือนกันว่าเป็นเนื้อชนิดไหน ก็ได้แต่เดา ๆ เอา หรือบางทีก็เล่นภาษามือกับคนขายซะเลย หลายทีก็ได้คำตอบมาเหมือนกันนะลองดู )
ถ้าอาหารชนิดไหนเรากินไม่ไหวจริง ๆ เช่นมันเกินไป ก็ไม่ต้องฝืนกิน เพราะนอกจากจะกินไม่อร่อยแล้ว อาจเกิดอาการท้องไส้ปั่นป่วนได้ง่าย ๆ ด้วย เราเคยมีประสบการณ์แบบนี้หลายครั้งที่เสียดายของที่สั่งมาเลยพยายามกินให้หมด สรุปวันนั้นพะอืดพะอมทั้งวัน รู้สึกวิงเวียนศรีษะ แถมเที่ยวไม่สนุกเสียอีก ฉะนั้นย้ำอีกทีว่าอย่าเสียดายของที่เรากินไม่ได้เลย
เตรียมรับมือภาษาจีน
แน่นอนว่าบางทีเราเตรียมตัวรับมือทุกอย่างไว้แล้ว แต่ติดปัญหาที่อ่านภาษาจีนไม่ออก … ฉะนั้นเราควรจะเตรียมรับมือไว้ล่วงหน้า โดยอาจจะติดโปรแกรมแปลภาษาจีนไว้ในมือถือ ( บางทีก็ช่วยไม่ได้มาก เพราะเราแยกอักษรจีนไม่ออก ) อีกวิธีที่ง่ายกว่าคือใช้ Google translate เพราะสามารถใช้กล้องถ่ายอักษรจีนแล้วแปลออกมาได้เลย แต่วิธีนี้เราต้องโรมมิ่งอินเตอร์เน็ตไปจากเมืองไทย เพราะที่จีนมีการบล็อกไม่ให้ใช้ Google หรือหากมีความรู้จะลองใช้โปรแกรมปลดล็อคก็ได้ ( แต่เราไม่ค่อยแนะนำ เพราะมีหลายคนก็บอกว่าสามารถโดนแฮ็คข้อมูลได้จากวิธีพวกนี้ ) โดยค่าบริการโรมมิ่งจากเมืองไทยก็อยู่ที่ราววันละ 300-400 บาท ถ้าไปประมาณสี่ถึงห้าวัน บางทีก็มีโปรโมชั่นที่ทำให้ราคาถูกลงมากกว่านี้อีก
และนั่นก็เป็นวิธีง่าย ๆ ที่จะทำให้เราสามารถไปเที่ยวประเทศจีนได้แบบไร้กังวล ไม่ต้องกลัวจะจะเจ็บป่วยระหว่างเดินทาง ที่เหลือก็แค่ระวังตัวเอง ไม่ให้เกิดอุบัติเหตุก็เพียงพอแล้ว และทริปเที่ยวจีนของคุณก็จะสมบูรณ์แบบ ได้ทั้งความสนุกและประทับใจอย่างล้นหลาม มีเรื่องเล่าสนุก ๆ มาบอกกล่าวคนรอบตัวแน่นอน