ในโลกการท่องเที่ยว เราไม่สามารถใช้ความเคยชินในชีวิตประจำวันของเรามาตัดสินอะไรในสถานที่ที่เราเดินทางไปถึงได้ โดยเฉพาะเรื่องค่าใช้จ่าย บางอย่างที่เราว่าไม่น่าจะแพง ก็แพงซจนไม่น่าเชื่อ เรามาดูกันว่า Travelkanuman เคยช็อคกับราคาของอะไรมาแล้วบ้าง
1. ค่าทางด่วนและค่าแท็กซี่ในญี่ปุ่น
เวลาเราขึ้นทางด่วนในประเทศไทย อย่างมากที่สุดก็จ่ายไม่เกิน 100-200 แต่ในญี่ปุ่น ระบบทางด่วนเขาเชื่อมต่อทั้งประเทศ บางทีขับเพลิน ๆ รู้ตัวอีกทีตอนลงเจอค่าทางด่วนไป 4,000 บาทก็มีบ่อยไป ฉะนั้น ควรเช็คค่าทางด่วนให้ดีก่อนจะใช้บริการ
ส่วนค่าแท็กซี่นั้น ถ้านั่งใกล้ ๆ อาจจะไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าเผลอนั่งเกิน10-20 กิโลล่ะก็ เตรียมกระเป๋าเบาได้เลย เพราะค่าแท็กซี่ระดับ 7-8,000 บาทไม่ใช่เรื่องเกินเลยในญี่ปุ่นเลย ขนาดคนญี่ปุ่นเองยังเคยบอกเลยว่าเขาจะนั่งแท็กซี่ ต่อเมื่อมันใกล้ หรือจำเป็นจริง ๆ เท่านั้น
2. ค่าห้องน้ำในยุโรปหลายประเทศ
ห้องน้ำราคา 10 บาทในไทยกลายเป็นเหมือนให้เข้าฟรีไปในทันทีเมื่อเทียบกับหลาย ๆ แห่งในยุโรป อย่างเช่นในอิตาลีค่าเข้าห้องน้ำนั้นอยู่ที่ 2 ยูโร ต่อครั้ง หรือราว 70 บาทเลยทีเดียว โดยเฉพาะตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ฉะนั้นทางเลือกที่ดีกว่าคือ เข้าไปหาร้านกาแฟนั่งแล้วสั่ง espresso จะดีกว่าแล้วค่อยเข้าห้องน้ำของร้าน ราคายังถูกกว่าค่าเข้าห้องน้ำอย่างเดียวเสียอีก
3. ค่าเช่ารถเกียร์ออโต้ในยุโรป
เนื่องจากในหลาย ๆ ประะเทศในยุโรปไม่นิยมขับรถแบบออโต้ทำให้มีรถเกียร์ออโต้ให้เช่าน้อย หรือบางทีไม่มีเลย และที่มีให้เช่าก็ราคาแพงมาก โดยบางประเทศนั้น ค่าเช่ารถเกียร์ออโต้ราคาแพงกว่าเกียร์ธรรมดากว่า 3 เท่าทีเดียว
4. ค่าที่พักแถบสแกนดิเนเวียในฤดูร้อน
หลายครั้งที่เราเปิดจองที่พักในฤดูร้อนแถบยุโรปโดยเฉพาะสแกนดิเนเวียแล้วถึงกับผงะ เพราะราคาแพงเอามาก ๆ แพงแบบไม่บันยะบันยัง เพราะว่าที่ยุโรปเหนือ แทบจะหนาวท้งปี เวลาในการท่องเที่ยวนั้นมีน้อย ฉะนั้นที่พักจึงถูกบวกราคาขึ้นอีกมากในระยะเวลาอันน้อยนิดนี้ บางที่ในนอร์เวย์ ห้องพักรวม 6 คนมีราคาถึงคืนละ 4,000บาทต่อคนทีเดียว
5. ผลไม้บางชนิดในหลายประเทศ
มีอยู่ครั้งหนึ่งเราเดินเข้าซุปเปอร์มาเกต เกิดเหลือบไปเห็นก้อนสีดำ ๆ มีขนวางขายอยู่ เมื่อดูราคาก็พบว่าแพงแบบสุด ๆ ไอ้เราก็นึกไปว่าเป็นของกินวิเศษถึงราคาแพงขนาดนี้ ที่แท้เป็นเงาะที่ดูเหมือนจะเน่าแหล่มิเน่าแหล่ เรียกว่าถ้ามาวางขายในประเทศไทยน่าจะถูกทางห้างโกยทิ้งอย่างแน่นอน แต่ในหลาย ๆ ประเทศ นับเป็นผลไม้มีค่าอย่างที่สุด ควบคู่ไปกับ มะม่วง มังคุด ทุเรียน
ที่จริงยังมีตัวอย่างอื่น ๆ อีกมากมายไว้โอกาสหน้าจะหามาฝากกันแน่นอน