ในโลกของนักเดินทางนั้น ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าต้องเดินทางอยู่ตลอดเวลา ฉะนั้นการเดินทางจึงเป็นเรื่องหลักและสำคัญมากที่สุดเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว
มีหลาย ๆ คนเคยถามเราว่า มีวิธีเดินทางแบบไหนที่ดีที่สุดสำหรับทริปของพวกเขา นั่นเป็นคำถามที่ตอบยากมากถึงยากที่สุดเลย เพราะปัจจัยต่าง ๆ ของแต่ละคนนั้นไม่เท่ากัน ความอดทนเอย ทุนทรัพย์เอย ความชอบเอย นั่นทำให้การเดินทางแบบหนึ่งไม่ได้เหมาะกับทุกคนเสมอไป
ฉะนั้นวันนี้เรามาว่าเรื่องการเดินทางแบบต่าง ๆ กันดีกว่าว่านักเดินทางนั้นใช้การเดินทางแบบไหนในสถานการณ์แบบไหนกันบ้าง
เครื่องบิน
ยานพาหนะหลักที่ใครไปต่างประเทศก็ต้องใช้ซะเป็นส่วนใหญ่ ยกเว้นคนที่เลือกจะ ROAD TRIP ถ้าเป้นสมัย 20-30 ปีก่อน การเดินทางโดยเครื่องบินนั้นมีราคาค่อนข้างสูงในสายตาของหลาย ๆ คน เวลาออกโปรโมชั่นอะไรมาก็ไม่ค่อยได้มีคนรู้ซักเท่าไหร่ว่ามีลดราคา ฉะนั้นการเข้าถึงเครื่องบินจึงเป็นเรื่องยากพอสมควร

แต่ในสมัยนี้การขึ้นเครื่องบินไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้ว ตั๋วโปรโมชั่นก็มีออกกันมามากมายแทบจะเลือกซื้อกันไม่ไหว โลกการเดินทางจึงเปิดกว้างอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะใคร ๆ ก็สามารถบินไปประเทศในฝันได้ในราคาที่เอื้อมถึง
ฟังดูเป็นโลกการเดินทางในฝันเลยใช่ไหมล่ะ ?
แต่ทุกอย่างก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียเช่นกัน เนื่องจากการจองตั๋วโปรโมชั่นนั้นต้องจองและจ่ายเงินทันทีเลย ทำให้หลาย ๆ คนไม่ได้ไตร่ตรองให้ดีก่อนที่จะทำการซื้อตั๋ว นำมาซึ่งปัญหาตามมาอีกมากมาย ทั้งเวลาเดินทางน้อยไป ติดงานไปไม่ได้ หรือขอวีซ่าไม่ทัน ทั้งหมดทั้งปวงนี้นำมาซึ่งการทิ้งตั๋ว และปล่อยให้ทริปในฝันกลายเป็นฝันต่อไป
ฉะนั้นการใช้เครื่องบินนั้นเราก็ต้องระวังให้ดี อย่าให้อารมณ์ชั่ววูบมาทำให้เรารีบจองโดยไม่ได้คิดให้ดี ให้คิดซะว่าตั๋วโปรมันก็มีมาเรื่อย ๆ นี่แหละ แต่เงินในกระเป๋าไม่ได้งอกขึ้นมาเองนะ
กลับมาที่เรื่องวิธีการใช้เครื่องบินกันต่อ อย่างที่บอกไปว่าในเมื่อราคามันถูกซะขนาดนี้ ทำให้นอกจากการเดินทางข้ามประเทศไกล ๆ แล้ว บางครั้งการเดินทางในประเทศหรือข้ามประเทศแบบใกล้ ๆ เราก็สามารถใช้เครื่องบินได้เช่นกัน เพื่อลดเวลาและบางครั้งก็ประหยัดกว่าด้วย
ยกตัวอย่างเช่นในยุโรป ถ้าจะเดินทางจากอัมสเตอร์ดัมไปบาร์เซโลน่าโดยรถไฟ อาจจะต้องใช้เวลาทั้งวันทีเดียว และราคาก็ไม่ได้ถูกด้วย ดีไม่ดีก็เกือบหมื่นทีเดียวถ้าจังหวะไม่ดี แต่ถ้าเราหาตั๋วเครื่องบินราคาประหยัดได้ บางทีเราอาจจะเดินทางได้ด้วยราคาแค่ 1,000-2,000 บาทเท่านั้น
ฉะนั้นการใช้เครื่องบินในยุคนี้ก็จะแบ่งได้เป็นการเดินทางไปกลับระหว่างประเทศไทยกับจุดหมาย และการเดินทางสั้น ๆ ระหว่างทริปนั่นเอง
การเดินทางไปกลับระหว่างประเทศไทยกับจุดหมาย
สิ่งที่ต้องคำนึงถึงสำหรับการจองตั๋วเครื่องบินระหว่างประเทศแบบนี้ก็คือ เที่ยวบินเป็นเที่ยวบินตรงหรือเครื่องแบบแวะพักต่อเครื่อง ซึ่งก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันออกไปแล้วแต่คนชอบ
เที่ยวบินตรง ข้อดีที่สุดคือ บินแล้วถึงเลย ไม่ต้องกังวล ใครเป็นคนหลับง่ายและหลับยาวก็จะรู้สึกสะดวกสบายเป็นที่สุด ส่วนข้อเสียหลัก ๆ ก็คือ เที่ยวบินตรงจากไทยหลาย ๆ เที่ยวอาจจะมีราคาสูงซักหน่อย ( แต่เดี๋ยวนี้หลาย ๆ สายการบินก็ทำราคาบินตรงถูกแบบเหลือเชื่อเหมือนกัน ) และข้อเสียสำหรับหลายคนก็คือการที่มันบินตรงนี่แหละ เพราะบางคนชอบที่จะได้พักเดินไปเดินมาทุก ๆ 6-7 ชั่วโมงมากกว่าอยู่บนเครื่องรวดเดียว 12 ชั่วโมง
เที่ยวบินแบบต่อเครื่อง เดี๋ยวนี้มีเที่ยวแบบนี้บินเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะเที่ยวบินที่มีจุดหมายที่ยุโรป โดยข้อดีก็คือ ราคาที่มักจะถูกกว่าอยู่เสมอ เที่ยวบินมีให้เลือกเยอะและยืดหยุ่ยพอสมควร หลาย ๆ ครั้งเราสามารถแวะเที่ยวในประเทศที่ทำการต่อเครื่องได้อีกด้วย ส่วนข้อเสียก็คือการต่อเครื่องที่หลาย ๆ คนไม่ค่อยชอบนั่นแหละ แต่เที่ยวบินแบบนี้มีข้อควรระวังก็คือ พยายามเลือกประเทศที่ต้องต่อเครื่องให้อยู่ในเส้นทางการบินไปประเทศปลายทางของเรา ไม่อย่างนั้นอาจจะต้องบินย้อนไปย้อนมา เสียเวลามากกว่าที่ควรจะเป็น
การบินระหว่างอยู่ในทริป
อย่างที่บอกไปว่าตั๋วเครื่องบินในสมัยนี้มีราคาถูกลงมาก ทำให้มีเที่ยวบินราคาประหยัดเกิดขึ้นมากมาย และส่วนใหญ่มักจะมีประโยชน์กับทริปของเราอย่างมากทีเดียว เพราะหลาย ๆ ครั้งค่าเครื่องบินในทริปก็ถูกกว่าค่ารถไฟเสียอีก ฉะนั้นเลือกใช้ให้ถูกต้องก็จะประหยัดขึ้นอย่างแน่นอน
แต่การจองตั๋วเครื่องบินแบบนี้ก็มีข้อควรระวังเช่นกันโดยข้อควรระวังหลัก ๆ ก็คือ
- ข้อแรกก็คือ เรื่องน้ำหนักกระเป๋า เครื่องบินราคาประหยัดมักไม่รวมค่าโหลดกระเป๋ามาด้วย ทำให้เราต้องดูราคาให้ดีว่าแพงขึ้นแค่ไหน
- ดูเรื่องสนามบินให้ดีว่าไกลจากตัวเมืองหรือไม่และมีค่าเดินทางแพงหรือเปล่า
- เช็ควันและเวลาให้แน่นอน เพราะตั๋วแบบนี้คืนไม่ได้อย่างแน่นอน เราเคยมีประสบการณ์จองผิดวันมาแล้ว สุดท้ายก็ต้องทิ้งตั๋วไปทั้งน้ำตา
ระวังสามข้อนี้เอาไว้ก็จะลดการผิดพลาดในการจองตั๋วได้เป็นอย่างดีทีเดียว
รถไฟ
สำหรับรถไฟในหลาย ๆ ประเทศ นี่คือการเดินทางที่สะดวกที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเฉพาะประเทศที่มีการวางระบบเครือข่ายรางไว้อย่างดีนั้น รถไฟแทบจะไปได้ทุกที่ในประเทศ หรือจะข้ามประเทศก็ทำได้อย่างง่ายดาย
ยกตัวอย่างเช่นในหลาย ๆ ประเทศในยุโรปนั้นสามารถเดินทางข้ามประเทศได้ในเวลาไม่ถึงชั่วโมงได้ด้วยรถไฟ เพราะยุโรปถือเป็นทวีปที่มีขนาดเล็กมาก ๆ การเดินทางข้ามสองถึงสามประเทศในบางครั้งยังไม่ไกลเท่ากับการเดินทางในประเทศจีนเลย
กระนั้นเองรถไฟในแต่ละประเทศก็ไม่เหมือนกัน แต่ก็จำแนกประเภทได้คร่าว ๆ ดังนี้
รถไฟความเร็วสูง
ในประเทศที่พัฒนาแล้ว มักจะมีรถไฟชนิดนี้เสมอ ที่โดดเด่นก็ได้แก่ รถไฟของญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รถไฟในยุโรป และรถไฟในจีน รถเหล่านี้วิ่งด้วยความเร็วสูงมาก ๆ บางขบวนเร็วถึง 300-400 กิโลเมตรต่อชั่วโมงทีเดียว ถ้าจะให้เห็นภาพ ก็เหมือนเรานั่งจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ได้ด้วยเวลา 2 ชั่วโมงนั่นแหละ เจ๋งใช่ไหมล่ะ ?
แต่รถไฟประเภทนี้ก็มักจะมาพร้อมราคาที่แพงเอามาก ๆ เที่ยวนึงอาจจะราคา 2,000-3,000 บาททีเดียว จึงมีการออกตั๋วแบบเหมาจ่ายให้นักท่องเที่ยวเลือกใช้ เช่น JR PASS ของญี่ปุ่น หรือ EURAIL ของยุโรปนั่นเอง
แต่ไม่ใช่การซื้อพาสจะประหยัดที่สุดเสมอไป เพราะบางครั้งการซื้อเป็นรอบ ๆ ไป ก็ประหยัดมากกว่าสำหรับบางทริป ถ้าให้เราแนะนำ อยากให้ลอง LIST เที่ยวรถไฟที่เราต้องซื้อทั้งหมดแล้วรวมราคาดู เทียบกับ PASS แบบต่าง ๆ ที่เราจะซื้อ ก็จะตัดสินใจง่ายขึ้นว่าจะใช้ PASS ดีไหม บางครั้งแม้ราคา PASS จะเท่ากับซื้อแยก หรืออาจจะแพงกว่านิดหน่อย เราก็ตัดสินใจซื้อ PASS เพราะได้ความสะดวกและยืดหยุ่นต่อแผนมากกว่านั่นเอง
รถไฟนอน
รถไฟแบบเดินทางข้ามเมือง บางครั้งก็เป็นรถไฟความเร็วสูงแต่เดินทางระยะไกลมาก บางครั้งก็เป็นรถไฟเร็วธรรมดาที่วิ่งด้วยความเร็ว 100-150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รถไฟแบบนี้มักจะมีที่นั่งหลายแบบ ทั้งแบบเป็นเตียงนอนรวม แบบเตียงแยก หรือแบบนอนบนที่นั่งธรรมดาเลย ซึ่งแน่นอนยิ่งสบายราคาก็ยิ่งแพง
ข้อดีที่สุดของรถไฟแบบนี้คือ สามารถที่จะประหยัดค่าที่พักได้คืนนึง แถมยังประหยัดเวลาการเดินทางด้วย เพราะเดินทางในช่วงที่เรานอนหลับ แต่ก็ต้องแลกมาด้วยการนอนไม่เต็มอิ่มสำหรับคนนอนยาก และหากถึงที่หมายตอนเช้า หลาย ๆ คนก็ไม่พร้อมที่จะเที่ยวเพราะเพลียจากการเดินทางนั่นเอง
รถไฟระหว่างเมือง
ระไฟระหว่างเมืองที่ไม่ใช่รถไฟความเร็วสูงนั้น ก็ไม่ใช่จะช้ามากมายอะไร บางทีถ้าไปจุดหมายที่ไกลออกไปราว 300-400 กิโลเมตร ใช้เวลา 4 ชั่วโมงก็ไปถึง รถไฟแบบนี้ราคาจะถูกกว่ามาก บางครั้งก็จะจอดเมืองเล็ก ๆ ที่รถไฟความเร็วสูงไม่จอดอีกด้วย ส่วนใหญ่แล้วถ้าระยะเวลาการเดินทางไม่เกิน 1-2 ชั่วโมง เราเลือกจะนั่งรถไฟแบบนี้มากกว่ารถไฟคามเร็วสูง เพราะประหยัดกว่า และไม่ได้เสียเวลามากกว่าเท่าไรนัก
รถไฟท้องถิ่น
ส่วนใหญ่มักจะใช้ให้คนท้องถิ่นโดยสาร รถแบบนี้จอดทุกป้าย บางครั้งจอดครั้งละหลายนาทีด้วย บางทีระยะทางแค่ 30 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางเป็นชั่วโมงก็มี ฉะนั้นตรวจดูให้แน่ชัดก่อนขึ้นว่ารถที่กำลังมาเป็นรถไฟท้องถิ่นหรือเปล่า ข้อดีของรถไฟแบบนี้ก็คือจอดทุกป้ายนั่นเอง เราจะลงสถานีแปลก ๆ ก็สามารถทำได้
นั่นเป็นรถไฟแบบต่าง ๆ ที่เรามักจะเจอ ถ้าเป็นประเทศที่รถไฟได้รับการพัฒนาแล้วก็ไม่น่าห่วงเท่าไรห่ แต่ในอีกหลาย ๆ ประเทศการรถไฟยังไม่ค่อยดีนัก อาจจะเกิดการดีเลย์ หรือแคนเซิลได้ ต้องระวังเคสเหล่านี้ให้ดี และบางครั้งการใช้รถบัสก็เป็นทางเลือกที่ดีกว่าในอีกหลาย ๆ ประเทศ
รถบัส
ในหลาย ๆ กรณี การเดินทางด้วยรถบัสก็สะดวกสบายทีสุดในทุกวิธีการเดินทาง เพราะหลายประเทศรถบัสที่ใช้ดีมาก ๆ และดีกว่ารถไฟด้วย แต่ในอีกหลาย ๆ ประเทศก็เป้นเพราะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรถบัสให้เลือก
โดยปกติแล้วนักท่องเที่ยวหลาย ๆ คนมักจะกลัวรถบัส เพราะไม่ได้มีเส้นทางวิ่งแสดงในชมเหมือยรถไฟ แถมบนรถก็ไม่ได้กว้างขวางอะไร แต่ที่จริงแล้วถ้าได้ลองนั่งจะรู้เลยว่าหลาย ๆ เส้นทางนั้นรถบัสสะดวกกว่ามาก
ข้อดีที่สุดก็คือ รถบัสมักจะส่งเราให้ถึงที่กลางเมือง ในขณะที่รถไฟในหลาย ๆ เมืองมักอยู่นอกเมือง ต้องต่อรถเข้าสถานที่เที่ยวอีกทีหนึ่ง ข้อดีต่อมาก็คือราคาที่มักจะถูกกว่าการเดินทางในแบบอื่น ๆ
รถบัสเองก็มีโปรโมชั่นเหมือนกัน โดยคล้าย ๆ กับตั๋วเครื่องบินโปรโมชั่นนั่นเอง ต้องทำการจองก่อนและคืนเงินไม่ได้ บางเที่ยวรถมีราคาถูกจนไม่น่าเชื่อ เช่นเที่ยวรถจาก LONDON ไป EDINBURGH ที่ราคาแค่ 1 ปอนด์ หรือ 50 บาทเท่านั้น หากจองโปรโมชั่นพวกนี้ได้ ก็เท่ากับว่าแทบจะไม่เสียค่าเดินทางเลยทีเดียว
รถยัสสมัยนี้การบริการต่าง ๆ ก็แทบจะเลียนแบบเครื่องบินมาเลย มีห้องน้ำ มีไวไฟ มีอาหาร ที่นอนก็สบายกว่าบนเครื่องเสียอีก ฉะนั้นถือเป็นทางเลือกที่ดีมากอีกทางหนึ่งทีเดียว
ขับรถ
การขับรถเที่ยวนั้นเป็นทางเลือกที่สะดวกสำหรับการเดินทางหลาย ๆ คน ในประเทศที่วินัยการจราจรค่อนข้างดี เพราะการขับรถนั้นถ้าไปกันหลาย ๆ คนแล้วการหารค่ารถและค่าน้ำมันกัน ทำให้ราคาค่าเดินทางลดลงมากเลยทีเดียว
กระนั้นก็มีเรื่องที่เราต้องระวังถ้าจะเดินทางด้วยการขับรถเช่นกัน
- ทำใบขับขี่สากล ทุกครั้งที่จะจองรถเช่า ทางบริษัทมักจะขอใบขับขี่สากลตั้งแต่ตอนนั้นเลย สามารถไปทำได้ที่ขนส่งจัตุจักร ค่าใช้จ่าย 500 บาท มีอายุ 1 ปี
- สำรวจเส้นทางให้ดี แผนที่การเดินทางต้องศึกษาให้ดี แต่ในหลายประเทศจะมีเครื่องนำทางติดมาให้กับรถด้วยทำให้สะดวกขึ้นมาก
- เตรียมค่าใช้จ่ายเรื่องทางด่วนเอาไว้ด้วย เพราะทางด่วนหลาย ๆ ประเทศแพงเอามาก ๆ บางทีขึ้นครั้งละเป็นพันบาททีเดียว
- เรื่องพวงมาลัยซ้ายหรือขวา ต้องศึกษาให้ดี และทำความคุ้นเคยก่อนในวันแรก ๆ
- ที่จอดรถในบางประเทศราคาแพงมาก
เรือ
ในหลาย ๆ เส้นทาง เรือก็เป็นการเดินทางที่สะดวกกว่าการนั่งรถอ้อม หรือบางครั้งก็สามารถนั่งเรือข้ามประเทศได้เลย เช่นเส้นทาง ญี่ปุ่น เกาหลี หรือ อิตาลี โครเอเชีย
การจองเรือส่วนใหญ่ก็สามารถทำออนไลน์ได้ ถึงแม้จะไม่มีโปรโมชั่นมากมายเหมือนกันรถไฟ แต่ส่วนใหญ่ราคาก็ไม่แพงมากนัก เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน

ลองเลือกการเดินทางที่เหมาะสมกับคุณดูได้เลย อย่าลืมล่ะ เดินทางถูกวิธีทริปก็จะสนุกขึ้นอีกเยอะเลย