การเดินทางในยุโรปนั้นเป็นที่รู้กันว่าในหลาย ๆ ประเทศมีค่าใช้จ่ายที่แพงพอสมควรทีเดียวโดยเฉพาะค่าเดินทางที่บางครั้งแค่ตั๋วเที่ยวเดียวก็มีราคาหลายพันบาทเลย

แต่กระนั้นรถไฟก็ยังเป็นวิธีการเดินทางที่ยืดหยุ่นและง่ายสำหรับนักเดินทางที่มาเที่ยวยุโรปเป็นเวลาไม่นานมาก เพระรวดเร็วและมีให้บริการเป็นจำนวนมาก ที่สำคัญ สถานีรถไฟทุกที่มักใกล้ใจกลางเมืองมากกว่าสนามบินต่างๆอีกด้วย ซึ่งตั๋วสำหรับเดินทางในยุโรปนั้นนอกจากการซื้อเป็นรอบ ๆ แล้ว เรายังสามารถซื้อราคาเหมาจ่ายได้ บริหารโดย RAIL EUROPE
ตั๋วเหมาจ่ายของ RAIL EUROPE ทำให้การเดินทางในยุโรปของเราประหยัดขึ้นอย่างเห็นได้ชัดถ้าเราใช้อย่างถูกวิธี ฉะนั้น เรามาดูวิธีการเดินทางโดยรถไฟให้คุ้มค่ากันเถอะ
ศึกษาชนิดของตั๋วให้แน่ชัด
ตั๋วรถไฟแบบเหมาจ่ายนั้นมีหลากหลายชนิด ซึ่งแน่นอนว่าราคาต้องต่างกันออกไป ฉะนั้นเราควรที่จะศึกษาว่าตั๋วชนิดไหนใช้เดินทางได้แค่ไหน โดยประเทศในขอบเขตของ Rail Europe มีถึง 24 ประเทศทีเดียวเชียว โดยตั๋วที่ใช้เดินทางได้ทุกอย่างก็คือ Eurail Global Pass ที่เดินทางเข้าได้ทุกประเทศ ส่วนตั๋วแบบอื่น ๆ ก็มีตั๋วแบบ 4 ประเทศ 3 ประเทศ 2 ประเทศ และตั๋วแบบประเทศเดียว โดยที่วันเดินทางก็มีตั้งแต่เดินทางได้ 15 วันไปจน 60 วันแบบต่อเนื่อง หรือจะเลือกแบบเดินทางได้ 4 ,5,8,10 หรือ 15 วันแบบไม่ต่อเนื่องภายใน 2 เดือนก็ทำได้ ( แต่ราคาจะแพงกว่าพอสมควร )
มาถึงตรงนี้บางคนก็จะรู้สึกว่าทำไมมีตั๋วเยอะชนิดขนาดนี้จะเลือกยังไงถูก นั่นแหละ!!! เราเลยต้องไปดูกันทีละข้อว่าเรามีวิธีเลือกยังไง
เลือกทริปในฝันของเราก่อนเป็นอันดับแรก
ก่อนอื่น อย่างพึ่งสนใจว่าตั๋วแบบไหนทำอะไรได้บ้าง ให้เอาแผนที่มากาง แล้วนึกจุดที่อยากไปแล้วกาในแผนที่ก่อนเลย อยากไปเวนิสก็กาเวนิส อยากไปปารีสก็กาปารีส พอเราได้จุดต่าง ๆ ในแผนที่มาแล้ว เราค่อยมาดูว่าจุดเหล่านั้นอยู่ตรงไหนของแผนที่กันบ้าง
พล็อตไปแบบนี้เลยเราจะเริ่มรู้ละว่าทริปของเรานั้นมีขอบเขตไกลขนาดไหน เพราะหลาย ๆ คนก็ไม่ได้แม่นนักว่าประเทศไหนเมืองไหนอยู่ที่ตรงไหนของแผนที่ ฉะนั้นพอทำแบบนี้ก็จะเข้าใจได้ง่ายขึ้นเยอะ
เทียบกับแผนที่เดินรถไฟ
แผนที่เดินรถไฟของ Rail Europe โดยหาจากที่ http://www.raileurope.com/europe-travel-guide/
จากนั้นมาดูว่าแต่ละเมืองที่เราจุดเอาไว้มันมีรถไฟผ่านไหม ถ้ามีเป็นรถเร็วหรือรถช้า
บางครั้งเราเห็นในแผนที่ว่ามันใกล้ ๆ แต่จริง ๆ แล้วใช้เวลาเดินทางเป็นวันเลยก็มี เพราะต้องข้ามภูเขา ไม่ก็ต้องรอรถหลายต่อ ฉะนั้นลองเช็คเวลาการเดินทางให้ดี ๆ ด้วย โดยเช็คได้ที่เวป http://reiseauskunft.bahn.de/bin/query2.exe/en?ld=212.201&country=USA&seqnr=1&ident=hu.010271201.1248788570&rt=1&newrequest=yes&&country=USA
เมื่อเราเป็นเช็คเรียบร้อยแล้ว เราก็จะได้รู้เส้นทางคร่าว ๆ ของทริปเราแล้วล่ะว่าหน้าตาเป็นแบบไหน
สีแดง ๆ นั่นรถด่วนมากเป็นพิเศษ ส่วนสีน้ำเงินนั่นรถด่วนพิเศษ ส่วนสีดำคือรถด่วนธรรมดา ส่วนที่ไม่ปรากฎจริง ๆ มีรถท้องถิ่นวิ่งอยู่เรื่อย ๆ ไม่ต้องกลัว
กำหนดวันในทริป
พอเราได้ทริปคร่าว ๆ มาแล้วให้เรากำหนดไปเลยว่าจะพักที่ไหนกี่วันดี ยกตัวอย่างเช่น
PARIS 4 mt Saint Michel 1 BRUSSEL 3 BRUGES 1 ROTTERDAM 2 AMSTERDAM 3
จากตัวอย่างนี้เราก็จะได้คำตอบ 3 คำตอบที่สามารถเอาไปคำนวนหาบัตรที่เหมาะสมกับเราได้ นั่นคือ
1 จำนวนวันที่เราใช้เดินทาง
2 จำนวนประเทศที่เราผ่าน
3 จำนวนวันในทริป
เนื่องจากในตัวเมืองนั้นส่วนใหญ่เราจะใช้ระบบรถไฟฟ้า ซึ่งจ่ายค่าบริการแยกจากค่ารถไฟ และตั๋วของเรามักจะไม่ครอบคลุมรถไฟฟ้าเหล่านี้ ฉะนั้น วันที่เราอยู่เฉย ๆ ในเมือง ไม่ได้ย้ายเมือง ตั๋วพวกนี้จะไม่ได้ใช้งานเลย
จากตัวอย่างนั้น เราใช้เดินทางข้ามเมืองทั้งหมด 5 ครั้ง ฉะนั้นเราก็จะใช้ตั๋วได้ทั้งหมด 5 วัน จากที่เราอยู่จริง 14 วัน ในทั้งหมด 2 ประเทศ (กลุ่ม Benelux ถือว่าเป็นประเทศเดียวกัน)
เลือกตั๋วให้ตรงกับรูปแบบที่เราต้องการ
จากนั้นเราก็เข้าเวป ไปดูว่าตั๋วไหนที่ครอบคลุมการเดินทางของเราบ้างก็จะพบว่ามีตั๋ว
Global pass แบบ แบบใช้ 5 วันภายใน 15 วันในราคา 642 USD
และ
Eurail Benelux – France Pass แบบใช้ 5 วันภายใน 2 เดือน ราคา 312 USD
จะเห็นว่าราคาต่างกันเกินกว่าครึ่งทีเดียว ฉะนั้นเราควรจะเช็คทุกครั้งว่าเราเดินทางแค่ไหน และควรใช้ตั๋วแบบไหนดี เพื่อไม่ให้เราต้องจ่ายค่าเดินทางเกินความเป็นจริง
ส่วนสาเหตุที่ทำให้ราคาต่างกันมากมายขนาดนี้ก็เพราะ Global pass นั้น ไม่จำกัดประเทศที่ใช้นั่นเองและมีขายแบบเฉพาะ 1st class เท่านั้นด้วย ต่างกับ Pass แบบเฉพาะประเทศหรือสองประเทศที่จะมีแบบ 2nd class ให้เลือกใช้บริการด้วย
ฉะนั้นคราวหน้าเลือก Pass ให้เหมาะกับการเดินทางของตัวเองก่อนเดินทางจะดีที่สุด โดยสามารถเช็คได้ที่ http://www.raileurope.com/rail-tickets-passes/europe-rail-pass-list/ เลย
บทแรกนี่ขอจบให้เข้าใจง่าย ๆ แค่นี้ก่อน เดี๋ยวตอนต่อไปเราจะแนะนำทริคดี ๆ สำหรับการใช้ตั๋วที่เรามีอยู่ให้คุ้มที่สุด อย่าลืมติดตามกันล่ะ