นั่นคือประโยคที่เราโดนถามมากที่สุดเวลาจะไปเที่ยวไหนซักที่หนึ่ง เมื่อครั้งที่เราเริ่มออกเดินทางตอนแรก ๆ ทั้งจากคนรู้จัก พี่ ป้า น้า อา อาเจกข้างบ้าน ป้าร้านกับข้าว หรือพี่วินหน้าปากซอย บางทีก็โดนเหมาไปว่า เราต้องเป็นลูกมหาเศรษฐี คาบช้อนทองมาเกิดเป็นแน่แท้
แต่ในความเป็นจริงแล้ว เราเองก็ไม่ได้เป็นลูกเศรษฐีที่ไหน เงินได้ไม่ได้เหลือล้นฟ้า จะซื้ออะไร จะจ่ายอะไร ก็ต้องมีการหยุดคิดก่อนเสมอ แต่ถึงกระนั้นเราก็ยังสามารถเก็บเงินเพื่อออกเดินทางได้บ่อย ๆ จนคนสงสัย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทุกคนสามารถเก็บเงินเองง่ายๆเพื่อไปเที่ยวเองอย่างไม่ลำบากเกินไปนัก
เอาตรงๆเลย ทริปบางทริป เช่นลาวหรือกัมพูชา แค่เราอดใจไม่กินอาหารแพงๆที่พวกเราชอบ ( เช่นบุฟเฟ่เนื้อย่างราคา500บาท ) ซัก10ที หรืองดกินเหล้ากับพรรคพวกไม่กี่คืน ก็ไปได้แล้ว
เอาเป็นว่าละไว้ในฐานที่เข้าใจว่าทุกคนต้องมีค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเพื่อสนอง Need ของตัวเองบ้างนิดหน่อยก็แล้วกัน ไหนจะซื้อมือถือใหม่ ไหนจะไอแพด ไหนจะจักรยานใหม่ เครื่องประทินโฉมรุ่นล่าสุด กระเป๋าใบเจ็บ และบลา ๆ ๆ ๆ มากมายนับไม่ถ้วน
แต่เราก็ยังสามารถเก็บเงินสำหรับไปเที่ยวได้โดยไม่รู้สึกว่ากระทบความสุขส่วนอื่นเท่าไหร่ ลองดูกันว่าเรามีวิธีเก็บเงินอย่างไร
เมื่อได้เงินมาเมื่อไหร่ ( สมัยก่อนเราทำฟรีแลนซ์ เงินได้ไม่แน่นอนว่ามาตอนไหน ) เราทำการหักไว้ทันที 15% เช่นรอบนี้โอนมา 30,000 ก็หักไปเลย 4,500 เข้ากองท่องเที่ยว ( ให้คิดว่ากระปุกเป็นเสมือนหน่วยงานหนึ่งที่เคร่งกฎระเบียบมาก ซึ่งเราควรปฎิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด ) บางคนอาจเลือกหักน้อยกว่านี้เช่น 5 หรือ 10% ก็ว่ากันไป
สมมุติเอาเป็นว่าคุณเงินเดือน 35,000 และคิดจะหักค่าเที่ยวไว้ 5% ซึ่งคิดว่านี่เป็นอัตราขั้นต่ำแล้ว แปลว่าคุณจะเก็บเงินเที่ยวได้เดือนละ 1,750 บาท ซึ่งบางทีถูกกว่าค่าโทรศัพท์หากิ๊กของบางคนเสียอีก
1,750 บาทเหมือนจะทำอะไรไม่ได้เท่าไหร่ในยุคข้าวยากหมากแพงนี้ แต่เมื่อเวลา 6เดือนผ่านไป คุณจะมีเงินเก็บ 10,500 บาท เพียงพอสำหรับไปฮ่องกงแล้วนะจะบอกให้
แต่ระหว่างทาง คุณอาจจะบอกว่ามีเงินเก็บไว้กับตัว เดี๋ยวก็ใช้นู่นนี่ เรามีทางมานำเสนอซึ่งเราทำอยู่เป็นประจำ
เรามักจะรู้ล่วงหน้าเสมอ ว่าตั้งเป้าจะเดินทางไปที่ไหน ฉะนั้นพอเก็บเงินได้จำนวนนึง ซึ่งสำหรับเราคือทุก ๆ 5พันบาท เราจะเอาไปแลกเป็นเงินประเทศนั้นๆทันที พอคุณมีเงินตราสกุลต่างประเทศ ไม่ว่าจะ เยน ยูโร ปอนด์ รูปี คุณก็จะไม่อยากใช้มันแล้ว ปล่อยมันลอย ๆ ไปเหมือนกับไม่มีค่า และเวลาจะต้องไปเที่ยวก็ไม่รู้สึกฝืนใจที่จะใช้เท่าไหร่ด้วยเมื่อเทียบกับเงินไทย
ไม่ได้บอกว่าทุกคนต้องเผื่อเงินสำหรับไปเที่ยว มีอะไรอีกมากมายที่เราต้องเผื่อเงินเอาไว้สำหรับยามจำเป็น เช่น เงินออม เงินฉุกเฉินรักษาพยาบาล เงินให้พ่อแม่ เงินผ่อนบ้าน-รถ
แต่ถ้าคุณรู้ตัวว่าที่ไม่ได้ไปเที่ยวเพราะใช้เงินเรื่อยเปื่อยอย่างอื่น แล้วชอบมาบ่นทีหลังว่าไม่มีเงินเก็บไปเที่ยวล่ะก็ ขอร้องล่ะ ลองวิธีนี้เถอะ