ในโลกของการท่องเที่ยวมีอยู่หลาย ๆ ความเชื่อที่พูดกันปากต่อปาก จนบางครั้งเราก็ปักใจเชื่ออย่างนั้นมาโดยตลอด แต่พอได้เดินทางไปถึงสถานที่นั้นจริง ๆ แล้ว ความจริงกลับไม่ได้เหมือนกับที่เคยได้ยินมาเลย และนี่คือประสบการณ์ของเราที่ไปพบเจอมากับตัวเอง ลองดูกันหน่อยซิ ว่าคุณมีความเชื่อเหล่านี้อยู่รึเปล่า
1 ทะเลทรายร้อนตลอดทั้งปี
พูดถึงทะเลทราย ใคร ๆ ก็พากันส่ายหน้า ไม่อยากไปเพราะความร้อน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทะเลทรายไม่ได้ร้อนตลอดปี มีหลายเดือนทีเดียวที่อากาศหนาวเย็นจนบางครั้งหิมะตกก็ยังมี เช่นในมองโกเลีย แต่ที่ต้องระวังมากกว่าความร้อน คืออาการขาดน้ำต่างหาก เพราะอากาศแห้งมาก จนบางทีเราหน้ามืดไปโดยไม่รู้ตัวก็มีให้เห็นบ่อยครั้ง
2 ห้องน้ำเมืองจีน แย่ทั้งประเทศ
โอเคยอมรับว่าเมื่อก่อนห้องน้ำในจีนขึ้นชื่อลือชาเป็นอย่างมากในด้านไม่ค่อยจะสู้ดีนัก แต่ในปัจจุบัน ห้องน้ำในหลาย ๆ เมือง โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวหลัก ๆ เปลี่ยนเป็นแบบสากลเกือบทั้งหมดแล้ว และส่วนใหญ่ก็มีคนทำความสะอาดอยู่ ฉะนั้นไม่ต้องเกรงกลัวว่าจะต้องไปเปิดก้นให้ใครดูหากจะต้องเข้าห้องน้ำที่จีน แต่เรื่องความสะอาดนี่ บางทีทัวร์ลงก็ไม่รับประกันเหมือนกันนะ
3 ฝรั่งพูดภาษาอังกฤษได้ทุกคน
บางทีเราเห็นหัวทอง ๆ เลยใส่ภาษาอังกฤษไฟแลบ แต่เค้ากลับไม่รู้เรื่องซะอย่างนั้น เป็นเรื่องที่ไม่น่าตกใจเท่าไหร่ที่คนยุโรปหรือที่เราเรียกรวม ๆ ว่า ฝรั่ง จะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เพราะในภาคพื้นยุโรป มีน้อยประเทศมากที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก ไม่ว่าจะ สเปน อิตาลี เยอรมัน ฝรั่งเศส ประเทศเหล่านี้หาคนพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน
4 หิมะน่าพิสมัยเสมอ
ภาพหิมะที่ติดตาชาวไทยเรา มักจะมาจากหนังโรแมนติกที่หิมะโปรยปราย พระนางจูงมือกันวิ่งฝ่าปุยนุ่มที่ตกมาอย่างเชื่องช้าและงดงาม แต่ในความเป็นจริง มีคนถึงครึ่งหนึ่งที่ไม่ชอบหิมะ ในชั่วโมงแรกที่ได้สัมผัสอาจจะรู้สึกตื่นเต้น แต่พออยู่ไปนาน ๆ หลายคนก็เริ่มหงุดหงิด ไหนจะเดินยาก เปียกก็เปียก แถมหนาวสุดขั้นอีกต่างหาก ฉะนั้น ต้องลองไปสัมผัสดูเองถึงจะรู้ว่าชอบหิมะหรือเปล่า
5 อินเดียทานแต่อาหารอินเดีย และทานด้วยมือเท่านั้น
คนอินเดียยุคใหม่ก็ทานอาหารหลากหลายอยู่นะ เราเห็นMc KFC PIZZZA HUT เต็มเมืองไปหมด ร้านอาหารยุโรปก็มีมากมาย แล้วเขาก็ใช้ช้อนทานด้วยนะ
6 ยากูซ่าหน้าตาโหด
ภาพยากูซ่าในหัวเรามักจะเป็นชายหน้าตากร้านโลก เต็มไปด้วยบาดแผล สักทั้งตัวเป็นลายมังกร พกดาบ บางทีตาอาจจะบอดซักข้างหนึ่งหรือนิ้วกุดสักสองสามนิ้ว แต่เท่าที่พบเจอและได้เห็นจากที่เพื่อนชาวญี่ปุ่นชี้ช่อง ยากูซ่าสมัยนี้หน้าตาสะอาดสะอ้าน ค่อนไปในทางเจป็อบกันทีเดียว เรียกว่าดูหน้าไม่มีทางรู้เลย
7 หน้าหนาวคือหน้าไฮ หน้าร้อนคือหน้าโลว
แน่นอนในเมืองไทยเป็นอย่างนั้นมาอย่างช้านาน เพราะเราเป็นเมืองร้อนที่นาน ๆ จะมีโอกาสสัมผัสความหนาวเย็นสักที เวลามีลมหนาวมาที ผู้คนก็แห่กันออกไปท่องเที่ยวกันหมด ส่วนตอนร้อน ๆ น่ะเหรอ ? นอกจากไปทะเลแล้ว อย่าหวังเลยว่าจะออกไปเที่ยวไหน แต่ในประเทศอีกกว่าครึ่งค่อนโลกหน้าร้อนนี่แหละคือช่วงที่มีการท่องเที่ยวแบบมืดฟ้ามัวดิน โดยเฉพาะในยุโรป กิจกรรมต่าง ๆ ในหน้าร้อนจะมากกว่าหน้าหนาวเป็นสิบเท่าเลยทีเดียว
8 เมษายนคือเดือนที่ร้อนที่สุด
นี่ก็เป็นความเชื่อของชาวไทยเช่นกัน เพราะบ้านเรามักจะร้อนที่สุดในช่วงเมษายน เวลาเราไปเที่ยวช่วงเมษายน หลาย ๆ คน มักจะทักว่า ไปตอนนี้ไม่ร้อนหรือ ? แต่ประเทศในซีกโลกเหนือส่วนใหญ่จะร้อนที่สุดราวเดือนกรกฎาคม และเดือนเมษายน อยู่ในช่วงใบไม้ผลิ อันเป็นฤดูที่ดีที่สุดของหลาย ๆ ประเทศเลยทีเดียว
9 ผับในอังกฤษมีไว้เพื่อดื่มเท่านั้น
ผับในไทยนั้นถูกใช้ในความหมายของที่ทานแอลกอฮอลล์ แต่ในอังกฤษ ผับนั้นมีต้นกำเนิดมาจากคำว่า PUBLIC หรืออีกแง่ก็คือที่พบปะของผู้คนนั่นเอง ทำให้ไม่เพียงแค่เป็นที่ดื่มเท่านั้น การจะเข้าไปทานอาหารอย่างเดียว จิบชา ทานโค้ก สามารถทำได้ทั้งนั้น และผับทุกที่ยังมีห้องน้ำให้บริการอีกด้วย
10 คนศรีลังกา น่ากลัวและอันตราย
ด้วยความที่เราไม่คุ้นหน้าตา และหลาย ๆ สื่อมักจะแสดงออกมาว่าคนหน้าตาลักษณะนี้อันตราย แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนศรีลังกาใจดีมาก ๆ สมกับเป็นเมืองพุทธอย่างแท้จริง ประสบการณ์ของเราที่ไปศรีลังกานั้นเต็มไปด้วยมิตรภาพและแน่นอนว่าเราอยากให้ทุกคนมองคนประเทศนี้ใหม่
11 ทุกที่ในโลกกินน้ำแข็ง
บางครั้งไปต่างประเทศในช่วงฤดูร้อน เรามักจะอยากได้น้ำแข็งมาผสมเครื่องดื่มเพื่อดับกระหาย แต่พอสั่งแล้วบางร้านกลับทำหน้างุนงงเหมือนกับว่าเราสั่งอะไรที่แปลกประหลาด ซึ่งมันก็แปลกสำหรับบางที่จริง ๆ เพราะในหลายประเทศไม่ทานน้ำแข็งกัน บางทีทานชาร้อน ๆ ในฤดูร้อนอีกต่างหาก
12 อาหารในบางประเทศที่ค่าครองชีพต่ำเช่น ลาว พม่า กัมพูชา ถูกกว่าบ้านเรา
แทบจะไม่มีที่ไหนในโลกอาหารถูกกว่าบ้านเราอีกแล้ว โอเค สำหรับการซื้อของมาทำเองที่บ้าน เราอาจจะได้ราคาที่ถูกกว่าหรือเท่ากับบ้านเรา แต่หากไปตลาดแล้วเดินเลือกซื้อกับข้าว ส่วนใหญ่ไม่ราคาพอ ๆ กับบ้านเรา ก็มักจะแพงกว่าเสมอ อาจจะเป็นเพราะวัตถุดิบหลาย ๆ อย่างต้องนำเข้าจากไทย ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงกว่า
13 ไปถึงที่เที่ยวแล้วจะได้เห็นภาพแบบในหนังสือนำเที่ยวเสมอ
การที่จะถ่ายรูปได้ซักรูปหนึ่งมีปัจจัยมากมาย ทั้งฤดูกาล สภาพอากาศ แสงแดด และจังหวะ ซึ่งทั้งหมดนี้ ให้ช่างภาพไปถ่ายใหม่ก็ไม่น่าจะได้ภาพแบบเดิม ฉะนั้นถ้าคาดหวังจะได้เห็นภาพแบบในหนังสือ ต้องไปให้ตรงช่วงเวลา และตรงเดือนอีกด้วย
14 หาอาหารทานได้ตลอดเวลา
มีอยู่ไม่กี่ประเทศในโลกที่คึกคักตลอด 24 ชั่วโมงเหมือนบ้านเรา ฮ่องกง ญี่ปุ่น อาจจะเป็นประเทศเหล่านั้น แต่ในหลาย ๆ ประเทศ หลังสองทุ่มก็แทบจะปิดไฟนอนกันแล้ว ฉะนั้นอย่าประมาทเรื่องอาหารการกิน
15 ดื่มในโรงแรมหรูเป็นแค่ความฝัน
บางครั้งเราเห็นโรงแรมห้าดาวมีเลาจ์สุดหรุไว้จิบชาพร้อมชมวิวอันงดงาม ในใจก็คิดว่าไม่อาจเอื้อมไปนั่งได้หรอก แต่จากประสบการณ์ของเรา ใช้เงินแค่ร้อยสองร้อย ก็ขึ้นไปนั่งสวย ๆ หล่อ ๆ ได้แล้ว เพราะการสั่งเครื่องดื่มซักแก้วหนึ่ง เราก็สามารถนั่งชมวิวในโรงแรมหรูหราได้อย่างไม่ต้องกลัวใครมาไล่
16 อาหารข้างทางถูกกว่าตามร้าน
เมืองไทยมีร้านรถเข็นมากมาย และราคาก็มักจะถูกกว่านั่งทานในร้านซะด้วย แต่ในหลายประเทศ ร้านรถเข็นนั้นราคาแพงเอาการ โดยเฉพาะเมืองท่องเที่ยวเช่น ปราก เพราะเขาถือว่าขายบรรยากาศ คล้าย ๆ กับที่อาหารรถเข็นในเบียร์การ์เด้นบ้านเรามักราคาแพงนั่นแล
17 อาหารที่มีสีแดงต้องเผ็ด
บางทีเราเลี่ยนอาหารต่างประเทศก็อยากหารสเผ็ดมาช่วยดับเลี่ยนบ้าง และพอเห็นอะไรแดง ๆ มักจะคิดไปก่อนเลยว่าเผ็ดแน่นอน ซึ่งส่วนใหญ่มักจะผิดหวัง วิธีที่ง่ายกว่าคือ พกพริกป่นติดกระเป๋าเอาไว้ ง่ายกว่ากันเยอะ และไม่ต้องมานั่งลุ้นอีกด้วย
18 โรงแรมมีฟรี wifi ทุกที่
เรามักเข้าใจไปว่าโรงแรมดี ๆ ใหญ่ ๆ บางทีราคาก็แสนแพง ต้องมีไวไฟให้ใช้ฟรี ๆ สิ แต่หลาย ๆ ที่ยังใช้ระบบจ่ายเพื่อเล่นไวไฟอยู่ แถมราคาไม่ธรรมดาซะด้วย บางทีอดเล่นแล้วเก็บเงินไปทานข้าวดีกว่า ฉะนั้นก่อนจองโรงแรมต้องเช็คให้ดีว่ามีไวไฟฟรีหรือไม่
นี่เป็นส่วนหนึ่งจากประสบการณ์ของเราเท่านั้น แล้วของทุกท่านล่ะ ไปเจออะไรที่ต่างจากสิ่งที่เข้าใจมาตลอดชีวิตหรือเปล่า ลองเล่าสู่กันฟังมาบ้างนะเออ