” อยุธยา ” พูดถึงชื่อนี้ขึ้นมาน้อยคนนักที่จะไม่เคยไปเยือน โดยเฉพาะชาวกรุงเทพ ฯ เพราะอยุธยานั้นเป็นเมืองเก่าที่อยู่ห่างจากกรุงเทพ ฯ ไปแค่ไม่กี่สิบกิโลเมตรเท่านั้น ทำให้เป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวแบบวันเดียวกลับที่นิยมกันมากมายตั้งแต่เด็กยันผู้ใหญ่
ส่วนใหญ่กิจกรรมที่เราไปทำที่อยุธยาก็มักจะเป็นการเที่ยวชมวัด ไหว้พระ และกินกุ้ง บางคนไปหลายครั้งต่อหนึ่งปี และทำกิจกรรมซ้ำไปซ้ำมาจนรู้สึกเบื่อที่จะเที่ยวเมืองเก่าใกล้กรุงนี้กัน จนบางคนแค่ได้ยินชื่ออยุธยาก็ส่ายหน้าไม่อยากไปเสียแล้ว
วันนี้เราจึงมาแนะนำการเที่ยวอยุธยาในมุมมองอื่น ๆ ที่คุณอาจนึกไม่ถึง บางทีหนึ่งในนี้อาจจะเป็นเหตุผลให้คุณอยากกลับไปเที่ยวที่นี่อีกก็เป็นได้
ที่พักในวันนี้เราขอแนะนำ Kantary Hotel อยุธยา โรงแรมในเครือ Cape & Kantary Hotels ที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยการออกแบบห้องพักนั้นออกแบบให้กว้างขวาง เป็นห้องกึ่ง serviced apartments มีขนาดพื้นที่ใหญ่กว่ามาตรฐาน มีครัวส่วนตัว และเครื่องอำนวยความสะดวกหลายๆ อย่าง แบบที่แทบจะเรียกว่าสามารถใช้ดำรงชีวิตอยู่จริงๆ ได้เลย ไม่ใช่แค่มาพักผ่อนวันหรือสองวัน
Kantary Hotel อยุธยา
ตัวโรงแรมตั้งอยู่ในทำเลเมืองใหม่ ตรงข้ามห้างสรรพสินค้าใหม่อย่าง The sky การเดินทางสะดวก เพราะจากกรุงเทพ ฯ ถ้าจะวิ่งเข้าอยุธยา ยังไงก็ต้องผ่านโรงแรมก่อนจะเข้าตัวเมืองเก่าอยู่แล้ว โดยใช้เวลาขับรถจากโรงแรมไปที่เมืองเก่าประมาณ 10 นาที
สถานที่ตั้งที่อยู่กลางเมืองเป็นจุดเด่นของโรงแรมในเครือนี้ และที่จะมองข้ามไม่ได้เลยก็คือความกว้างขวางของห้องพักทุก ๆ ขนาด เพราะความรู้สึกจะเหมือนอยู่บ้านหรือคอนโดมากกว่าโรงแรม ทำให้รู้สึกผ่อนคลายมากกว่า และยังเหมาะสำหรับการนำครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนมาเที่ยวพักผ่อนอีกด้วย
ด้านราคาค่าที่พักนั้น อยู่ในระดับกลาง ๆ ไม่ถูกไม่แพงจนเกินไป เริ่มต้นที่ 2,000 กลางๆ จนไปถึงห้องขนาดใหญ่ที่ 5,700 (แต่ก็สามารถพักได้หลายคน ทำให้ราคาหารออกมาต่อคนแล้วก็ใกล้เคียงกัน)
การตกแต่งออกเป็นแนว Modern เน้นความเรียบง่าย ด้วยโทนสีที่ดูสบายตา ไม่หวือหวา ไล่มาตั้งแต่บริเวณ Lobby ที่ส่วนนั่งรับแขกกว้างขวาง ต้อนรับแขกได้หลายสิบคน พร้อมมี Internet ฟรีให้บริการ ในบริเวณ Lobby ส่วนภายในห้องต้องจ่ายค่าบริการ
ห้องพักนั้นแบ่งเป็น 4 แบบ ไล่ตั้งแต่ Studio ที่มีขนาดห้องกว้างถึง 46 ตารางเมตร ถือว่าใหญ่ทีเดียว เมื่อเทียบกับ Studio ของโรงแรมอื่น ๆ ราคาต่อคืน 2,700 บาท หรือราคาเช่ารายเดือนที่เดือนละ 36,000 บาท ทำให้มีชาวต่างชาตินิยมมาเช่าระยะยาว เนื่องจากกว้างขวาง สะดวกสบาย และราคาไม่แพงนั่นเอง

ห้องแบบ One Bedroom จะแยกห้องนั่งเล่นกับห้องนอนออกจากกันเป็นสัดเป็นส่วนมากขึ้น ด้วยราคาที่ 3,400 บาท ได้พื้นที่เพิ่มขึ้นมาเป็น 74 ตารางเมตร สำหรับคนที่อยากได้บริเวณกว้างขวางถือว่าคุ้มค่ามากเลย

ห้องแบบ 2 Bedroom แม้จะราคาแพงขึ้นคือ 5,700 บาท แต่เข้าพักได้สูงสุดถึง 4 คน ทำให้ราคาต่อคนเมื่อหารออกมาแล้วแทบจะพอ ๆ กับแบบ Studio เลย แถมเนื้อที่กว้างใหญ่กว่า 105 ตารางเมตรนั้นทำให้อยู่สบาย ๆ ทั้งครอบครัว เสมือนอยู่บ้านก็ไม่ปาน

และสุดท้ายกับห้องพิเศษแบบ Penthouse ที่แม้จะราคา 3,900 และได้พื้นที่ 74 ตรม เท่ากับแบบ One Bedroom แต่ความพิเศษกว่าก็คือการเล่นระดับฝ้าเพดานเป็นแบบ Double space ทำให้ดูกว้างขวางโปร่งโล่งสบายเป็นที่สุด เหมาะสมที่จะใช้พักผ่อนสองคนแบบหรูหรา หรือจะใช้ฮันนีมูนก็เข้าท่าไม่หยอก ห้องแบบนี้มีแค่ 4 ห้องเท่านั้น แถมอยู่ชั้นบนของโรงแรมด้วย ทำให้เห็นวิวเมืองอยุธยาสุดลูกหูลูกตา

ห้องทั้งสี่แบบสามารถเช่าแบบรายเดือนได้ทั้งหมด น่าจะเหมาะสำหรับคนที่มาทำงานเป็นระยะเวลา 1-2 เดือน เพราะมีทั้งครัวและเครื่องซักผ้าให้บริการ สะดวกเสมือนเช่าบ้านอยู่เองเลย
บริเวณส่วนกลางนั้นมีทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องอาหารให้บริการอย่างครบครัน โดยที่ชั้น 16 จะเป็นส่วนของสระว่ายน้ำลอยฟ้า Jaguzzi Fitness และยังมีห้องกว้างสำหรับทำงาน นั่งเล่น และนัดพบปะให้บริการอีกด้วย พร้อมบริการขนมและกาแฟ ฉะนั้นช่วงบ่ายๆ หลังจากเหนื่อยๆ จากการเยี่ยมชมเมืองเก่า จะกลับมานั่งพักชมวิวมุมสูงพร้อมจิบกาแฟไปด้วยก็ได้ หรือช่วงเย็นๆ แดดร่มลมตกจะลงไปว่ายน้ำออกกำลังกายก็สบายดีทีเดียว
นอกจากนี้ยังมีห้องประชุมสัมมนาให้เช่าสำหรับกลุ่มประชุมของบริษัทอีกด้วย โดยอยู่บริเวณที่ชั้นสองของโรงแรม จุคนได้นับร้อยทีเดียว
ร้านอาหาร เป็นจุดเด่นอีกอย่างนึงของที่นี่ โดยร้านอาหารหลักคือ The California Steak Restaurant ที่เปิดตั้งแต่ หกโมงเช้าไปจนถึงดึกดื่น โดยปกติจะให้บริการอาหารฝรั่ง ญี่ปุ่น และไทย ทั้งแบบอาหารจานเดียวและเป็นกับข้าวด้วย แต่ที่นี่ขึ้นชื่อด้านเนื้อสเต็กทั้งหลาย ทั้งเนื้อ หมู ไก่ ฉะนั้นถ้าไปถึงอย่าลืมลองเมนูเด็ดของที่นี่ล่ะ โดยเฉพาะในบางวันจะมีให้บริการแบบ Buffet รับประทานได้แบบไม่อั้นในราคาสบายกระเป๋า
หรือถ้าอยากสั่งอาหารไปทานที่ห้องก็โทรสั่งที่ห้องอาหารได้เลย ราคาค่าอาหารที่นี่ไม่ได้แพงมาก ตกที่จานละ 100 กว่าบาท แต่ถ้าเป็นจานปลาหรือเนื้อก็อาจจะแพงกว่านี้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ในเรทที่สบายกระเป๋าอยู่ดี
CLASSIC KAMEO Hotel & Serviced Apartments
โรงแรมในเครืออีกแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจาก Kantary นัก ที่นี่เป็นทั้งโรงแรมและ Serviced Apartments ตามชื่อ ฉะนั้นการจัดตกแต่งและ Function การใช้งานของส่วนต่าง ๆ จึงเน้นสำหรับผู้ที่มาอยู่อาศัยระยะยาวด้วย ทำให้พื้นที่ของห้องพักมีขนาดใหญ่และมีส่วนเตรียมอาหารอย่างชัดเจนทุกห้อง
ห้องนอนตกแต่งแบบเรียบง่ายเช่นเดียวกับ Kantary ใช้สีสว่างเหมาะสำหรับอยู่อาศัย โดยเฉพาะเมื่อเปิดรับแสงจากภายนอกเข้ามา ห้องจะดูสว่างและโล่งขึ้นอีก
ขนาดห้องโดยรวมใหญ่กว่ามาตรฐานโรงแรมระดับเดียวกัน ทำให้ความกว้างของห้องพัก ยังคงเป็นจุดเด่นของโรงแรมในเครือนี้เกือบทุกแห่ง
ส่วนกลางของที่นี่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ เพราะต้องรองรับทั้งแขกที่มาพัก และผู้เช่าอาศัยระยะยาวที่มีจำนวนมาก แต่ก็ใหญ่พอที่จะให้บริการได้แบบไม่ติดขัด โดยเฉพาะโถง Lobby ขนาดใหญ่ สระว่ายน้ำและ Fitness และที่พิเศษก็คือห้องรับรองแขกที่มีขนาดใหญ่และตกแต่งอย่างหรูหราสวยงาม ผู้ที่มาพักสามารถใช้บริการได้ทั้งวัน มีบริการอาหารว่างและเครื่องดื่มให้บริการด้วย
ห้องอาหารที่มีชื่อเสียงที่นี่เป็นห้องอาหารจีน Tapestry Restaurant บริการอาหารจีนทั้งวัน นอกจากอาหารจีนแล้ว ยังให้บริการอาหารไทย ญี่ปุ่น และตะวันตกแบบจานเดียวอีกด้วย เราสามารถสั่งอาหารขึ้นมาบนห้องได้ตามอัธยาศัย
โดยรวมแล้ว Kantary Hotel อยุธยา และ Classic Kameo Hotel & Serviced Apartments เป็นที่พักที่ราคาเหมาะสม ห้องอาหารดีและราคาไม่แพง ห้องกว้างขวางและมีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมสรรพ
+ ห้องกว้างมากเมื่อเทียบกับราคา
+ อาหารหลากหลายและราคาไม่แพง
+ ใกล้ตัวเมือง สะดวกกับการซื้อของ
– ไกลเมืองเก่าเล็กน้อย แต่ถ้ามีรถก็ไม่ลำบากเท่าไหร่ ใช้เวลาขับประมาณ 10 นาที
ครั้งหน้าถ้าไปอยุธยาก็อย่าลืมลองไปพักที่นี่กันล่ะ รับประกันว่าคุ้มค่าเงินแน่นอน
ไปอยุธยาทั้งทีก็ต้องเที่ยววัด กินกุ้ง แต่ถ้าเกิดว่าเราไปอยุธยาบ่อยแล้วล่ะ ? จะไปเที่ยวอะไรซ้ำ ๆ หลาย ๆ คนก็อาจจะเบื่อเสียก่อน
ฉะนั้นวันนี้เราขอเสนอที่เที่ยวที่กินทางเลือกในอยุธยาที่บางคนอาจจะยังไม่รู้จักกัน รับรองว่าแต่ละที่น่าไปเยือนทั้งนั้นเลย พร้อมแล้วก็ตามไปดูกันเลย
พระราชวังจันทรเกษม
พิฑิธภัณฑ์ที่ดัดแปลงมาจากพระราชวังเดิมในสมัยอยุธยา จัดแสดงงานหลากหลายประเภท ถ้าใครสนใจประวัติศาสตร์ก็ไม่ควรพลาดที่จะเข้าชมดูโดยประวัติของพระราชวังจันทรเกษม เป็นดังนี้
พระราชวังจันทรเกษม หรือวังหน้า ตั้งอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก สันนิษฐานว่า สร้างขึ้นประมาณปี พ.ศ. 2120 ในสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชาธิราช เพื่อให้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ยามเสด็จจากเมืองพิษณุโลกเพื่อมาเฝ้าพระราชบิดาที่กรุงศรีอยุธยา
ต่อมาในปี พ.ศ. 2447 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำริโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายวัตถุต่างๆ จากโรงม้าพระที่นั่งเข้ามาเก็บรักษาและตั้งแสดงที่บริเวณอาคารพลับพลาจตุรมุข และต่อเติมระเบียงตามแนวอาคารด้านทิศเหนือและทิศตะวันออก เพื่อจัดตั้งวัตถุ ศิลาจารึก และประติมากรรมต่างๆ ใช้ชื่อพิพิธภัณฑ์ว่า อยุธยาพิพิธภัณฑ์ ต่อมา ในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2479 กรมศิลปากร ได้ประกาศให้อยุธยาพิพิธภัณฑ์เป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ในนาม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม
เวลาทำการ 9.00-16.00
พิพิธภัณฑ์เล็ก ๆ ที่น่าชม
นอกจากวัดแล้วที่นี่มีพิพิธภัณฑ์หลายแห่งที่น่าสนใจ อย่างเช่น พิพิธภัณฑ์ล้านของเล่นที่รวบรวมเอาของเล่นเก่า ๆ ไว้อย่างมากมายในอาคาร 2 ชั้น สามารถเดินเที่ยวชมได้อย่างสบายอารมณ์เป้นชั่วโมง ๆ ทีเดียว หรืออย่าง Real zoo : สวนสัตว์แปลก ที่รวมสัตว์พวกงู กิ้งก่า ไว้อย่างมากมาย ลองเข้าพิพิธภัณฑ์เหล่านี้ดูก็จะเปลี่ยนอารมณ์ได้ไม่น้อยเลย
พุทธอุทยานมหาราช
หลวงปู่ทวดที่องค์ใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่บริเวณรอยต่อจังหวัดอยุธยากับอ่างทอง จุดเด่นที่สุดก็คงไม่พ้นองค์หลวงปู่ทวดที่ใหญ่มาก สามารถมองเห็นจากระยะไกลหลายกิโลเมตร มีสะพานเชื่อมข้ามลำน้ำไปถึงองค์หลวงปู่ทวด สวยงามทั้งกลางวันและกลางคืน ในช่วงลอยกระทงที่นี่ยังเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับทำกิจกรรมของชาวอยุธยาอีกด้วย ในบริเวณนั้นยังมีการสร้างตลาดสำหรับเดินชมสินค้าต่าง ๆ รวมถึงร้านกาแฟเก๋ ๆ สำหรับนั่งพักเหนื่อย
ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ
SACICT เป็นองกรณ์ส่งเสริมสนับสนุนให้มีการประกอบอาชีพผสมผสานเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ศิลปหัตถกรรมพื้นบ้านตามโครงการส่งเสริมศิลปาชีพในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ และส่งเสริมสนับสนุนด้านการตลาดสำหรับผลิตภัณฑ์ดังกล่าวทั้งในประเทศและต่างประเทศ
พูดง่าย ๆ ก็คือการส่งเสริมงานหัตถกรรมพื้นบ้านให้ร่วมสมัยขึ้นนั่นเอง ภายในอาคารจะมีทั้งส่วนจัดแสดงชั่วคราว พิพิธภํณฑ์ถาวรที่เน้นตัว multimedia ทันสมัย และเข้าชมฟรี รวมถึงส่วนของการขายสินค้าต่าง ๆ ที่ผ่านการออกแบบมาแล้วอีกด้วย
เวลาทำการ 8.00-17.00
บ้านข้าวหนม
ร้านขายขนมไทย ๆ ที่ตกแต่งดูไทย ๆ แต่ก็แฝงความทันสมัยไปแล้ว ทำให้มีลูกค้าแน่นร้านตลอดเวลา ไม่ว่าจะนั่งชิลกันที่ร้าน หรือจะซื้อกลับบ้าน ขนมที่ร้านนำมาขายหลาย ๆ อย่างก็หากินยากแล้วในสมัยนี้ ใครมีโอกาสอยากลองขนมไทยดั้งเดิม ขอเชิญได้เลย
เวลาทำการ 8.00-19.00
กุ้งเพื่อนแพรว
มาอยุธยาต้องกินกุ้ง และร้านกุ้งที่รสดีแต่ราคาไม่แพงก็ต้องที่นี่แหละ ร้านตั้งอยู่ที่ ตลาดกลางเพื่อการเกษตรกร กุ้งมีหลายขนาดให้เลือกตั้งแต่ 350 450 550 หรือแพงกว่านั้น นำมาทำอาหารแบบสด ๆ ได้หลายอย่าง หรือจะสั่งอาหารอื่น ๆ จากปลา หรือเนื้ออื่น ๆ ก็ทำได้
แนะนำให้เลี่ยงช่วงเที่ยวก็จะดีเพราะคนจะเยอะมาก อาหารอาจจะได้ช้า
เวลาทำการ 8.00-21.00
ก๋วยเตี๋ยวผักหวาน
ร้านอาหารชื่อดังของอยุธยาที่คนกรุงบางคนอาจจะไม่รู้จัก แต่อยากให้ลองเพราะนำเอาผักหวานมาทำอาหารนานาชนิด ไม่แค่ก๋วยเตี๋ยว อย่างเช่นผัดไทผักหวาน ยำผักหวาน เมนูเด็ดของร้าน
บรรยากาศน่านั่ง ร้านใหญ่โต ร่มรื่น สามารถรับรองคนจำนวนมากได้ มีทั้งห้องแอร์สำหรับคนขี้ร้อน และโต๊ะภายนอกท่ามกลางบรรยากาศสวย ๆ ของร้าน
เวลาทำการ 8.00-17.00
หมูสะเต๊ะเฮียแกละ
สะเต๊ะรสเด็ดที่ห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะนอกจากหมูแล้วยังมีเครื่องในอย่างตับ ไส้อ่อน และเนื้ออื่น ๆ ที่รสชาติอร่อยสุด ๆ อีกด้วย หอมกลิ่นเครื่องเทศ รสสะเต๊ะก็เข้มข้นเข้าเนื้อที่สุด ถ้าจะไปลองต้องรีบเสียหน่อย บ่าย ๆ ก็หมดเสียแล้ว เพราะเฮียแกทำแค่วันละ 1,000 ไม้เท่านั้น
ขนมจีนบ้านประไพ
ร้านขนมจีน 4 ภาคที่มีขนมจีนพร้อมน้ำยาหลากหลายประเภทให้ได้ชิมกัน เรียกว่าชอบแบบไหนก็เลือกกันได้เลย เส้นของที่นี่คล่องคอสดใหม่ แกงบางอย่างอาจจะรสจางเสียหน่อย ไม่ได้จัดมาก น่าจะเพื่อให้คนกินได้เป็นวงกว้าง
ของเด็ดที่เราขอแนะนำก็คือขนมจีนซาวน้ำ รสอร่อย กินกับผักสด ๆ เข้ากันสุด ๆ
เวลาทำการ 8.00-17.00
CAFE KANTARY
Cafe ของ KANTARY ที่ให้บริการขนมหวานต่าง ๆ รวมถึงอาหารมื้อ Brunch อีกด้วย โดย Cafe ที่นี่ถือว่าขึ้นชื่อมากทีเดียวในจังหวัดอยุธยา โดยขนมหลัก ๆที่ขึ้นชื่อก็เช่น Toast ชนิดต่าง ๆ รวมถึงเค้ก ขนมปังหลากหลายด้วย
และแน่นอนว่าราคาขนมต่าง ๆ ของที่นี่ก็ย่อมเยาว์ แถมยังอร่อยอีกด้วย โดยเค้กทั่วไปอยู่ที่ไม่ถึง 100 บาท
บรรยากาศในคาเฟ่ก็น่ารักน่านั่ง ทำให้มีชาวอยุธยาแวะมาใช้บริการค่อนข้างมาก ถ้าอยากได้อารมณ์สงบ ๆ ให้มาก่อนเที่ยง หรือไม่ก็ช่วงบ่าย ๆจะดีกว่า
เวลาทำการ 8.00-22.00