สีชัง ชัง แต่ชื่อ เกาะนั้นหรือ จะชังใคร
เพลงดังของ ม.ร.ว. ถนัดศรี ที่ทำให้สีชัง เกาะขนาดเล็ก ๆ เป็นที่รู้จักกันดีในวงกว้างในฐานะเกาะท่องเที่ยว แต่กาลเวลาที่ผ่านไปหลายสิบปี สีชังค่อย ๆ ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลาอย่างน่าเสียดาย หลาย ๆ คนรู้จักชื่อเกาะแห่งนี้ แต่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตั้งอยู่ที่ไหน
วันนี้เราจึงขอแนะนำทุกท่านให้รู้จักกับสีชัง เกาะที่มีอดีตอันน่าหลงใหล สถาปัตยกรรมที่น่าค้นหา ธรรมชาติและวัฒนธรรมที่แสนสวยงาม และโรงแรมที่เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อกลางปีนี้อย่าง Somewhere : เกาะสีชัง
พร้อมแล้วมารู้จักสีชังในวันนี้กันเถอะ
สีชังเป็นเกาะในเขตจังหวัดชลบุรี มีฐานะเป็นอำเภอ เกาะมีขนาดราว 7.9 ตารางกิโลเมตร ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่โขดหิน มีพื้นที่ราบราว 500 ไร่ มีทั้งที่ทำการไปรษณีย์ ร้านสะดวกซื้อ โรงเรียน โรงพยาบาลบนเกาะ เรียกว่าเป็นเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่งเลยทีเดียว
เนื่องจากอยู่ตรงกันข้ามกับอำเภอศรีราชา บางคนก็รวมสีชัง กับศรีราชาเป็นเขตเดียวกันเลย เพราะจะข้ามไปเกาะสีชังก็ต้องมาขึ้นเรือที่ศรีราชาโดยนั่งเรือออกไปราว 12 กิโลเมตร ค่าโดยสาร 50 บาท ใช้เวลาประมาณ 40 นาที ถ้าจะเดินทางตรงไปที่โรงแรม Somewhere สามารถจอดรถไว้ที่โรงแรม Kantary Bay ศรีราชาได้ จะมีรถให้บริการฟรีมาส่งที่ท่าเรือเลย และพอถึงฝั่งก็สามารถเรียกรถไปที่โรงแรมได้เลย
ถึงเกาะมีขนาดไม่ได้ใหญ่โตมากมาย แต่ถ้าจะให้เดินก็คงจะไม่ไหว ฉะนั้นการเดินทางบนเกาะจึงมีทางเลือกคือ เช่ามอเตอร์ไซค์ หรือเหมารถสกายแลป ( คล้าย ๆ ตุ๊ก ๆ นั่งได้ 4-6 คน ) ราคารถสกายแลบอยู่ที่ประมาณคนละ 250 บาทต่อวัน นั่งกี่คนก็จ่ายแยกกันไป
สำหรับคนที่จะเช่ารถมอเตอร์ไซค์ก็ขอเตือนว่าระวังเสียหน่อย เพราะเกาะมีลักษณะเป็นเขา ขับรถขึ้นลงอาจเกิดอุบัติเหตุได้ โดยเฉพาะในยามค่ำคืน
ถึงจะเป็นเกาะเล็ก ๆ แต่สถานที่ท่องเที่ยวกลับหลากหลายเกินขนาดของเกาะไปไกลเลยทีเดียว เพราะมีทั้ง วัด วัง อนุสรณ์สถาน ชายหาด ให้เที่ยวอย่างจุใจ
พระจุฑาธุชราชฐาน
สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญที่สุดของเกาะ ตั้งอยู่ทางใต้ของเกาะ สร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๕ ในรูปแบบสถาปัตยกรรมตะวันตก เพื่อใช้เป็นที่ประทับฤดูร้อน บริเวณค่อนข้างกว้างใหญ่ประกอบไปด้วย พระที่นั่ง 4 องค์ พระตำหนัก 14 หลัง และศาลา 1 หลัง มีสวน น้ำพุ สระน้ำ กระจายอยู่รอบบริเวณ
สิ่งก่อสร้างที่สำคัญในบริเวณประกอบไปด้วย
เรือนวัฒนา เรือนไม้ที่ใช้จัดแสดงนิทรรศการที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สำคัญในเกาะสีชังในสมัยรัชกาลที่ ๕
เรือนอภิรมย์ รัชกาลที่ ๕ ได้ทรงบริจาคพระราชทรัพย์ส่วนพระคลังสร้างขึ้น เพื่อใช้เป็นที่พักอาศัยสำหรับผู้ป่วยที่เดินทางมารักษาตัวที่เกาะสีชังเรียกกันว่า อาไศรยสถานในวโรกาสวันเฉลิมพระชนม พรรษาเมื่อปี พุทธศักราช 2431
เรือนไม้ริมน้ำ มีประวัติมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ ที่ทรงโปรดการเสด็จมาที่สีชังโดยเรือกลไฟโดยมักประทับแรมบนเรือ แต่ในตอนนั้นเรือนไม้ริมน้ำหรือเรียกกันว่าเรือนเขียวได้ตั้งอยู่ที่หาดอยู่แล้ว จึงเป็นที่โปรดปรานของพระองค์ ปัจจุบันเรือนไม้ริมน้ำได้ดัดแปลงเป็นร้านกาแฟบริการนักท่องเที่ยว
วัดอัษฎางคนิมิตร พระอุโบสถที่อยู่ในเขตพระราชวัง ตัวพระ อุโบสถสร้างแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธิค อยู่ใต้เจดีย์ทรงกลมศิลปะแบบลังกา ในบริเวณพระเจดีย์อุโบสถยังมีต้นศรีมหาโพธิ์ ซึ่งนำหน่อมาจากพุทธคยา ประเทศอินเดียปลูกไว้ด้วย
ระฆังหินและเจดีย์เก่าแก่ ใกล้กับวัดอัษฎางคนิมิตรมีกองหินใหญ่อยู่ ซึ่งหินเหล่านี้เป็นหินภูเขาไฟ มีลักษณะพิเศษคือเมื่อเคาะแล้วเสียงจะก้องกังวาน จึงได้ชื่อว่าระฆังหิน ในบริเวณมีเจดีย์เก่าตั้งอยู่
สะพานอัษฎางค์ สะพานที่รัชกาลที่ ๕ ท่านทรงใช้เป็นท่าขื้นเทียบเรือ ปัจจุบันมีการบูรณะใหม่ให้คงรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบเดิม
ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่
ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ที่ตั้งอยู่บนเนินเขาทางด้านเหนือของเกาะ ชาวสีชังให้ความเคารพสถานที่นี้อย่างมาก รวมไปถึงผู้ศรัทธามากมายที่เดินทางมาจากแผ่นดินใหญ่ด้วย ลักษณะศาลเจ้าเป็นการดัดแปลงถ้ำเก่าโดยใช้สถาปัตยกรรมผสมผสาน ไทย จีน ภายในถ้ำมีกิจกรรมหลากหลายเพื่อโชคลาภที่ดีของผู้ศรัทธา จากบริเวณศาลเจ้ายังสามารถมองเห็นวิวของเกาะจากมุมสูงได้อย่างสวยงามอีกด้วย
มณฑป รอยพระพุทธบาท
มณฑปรอยพระพุทธบาท อยู่สูงขึ้นไปบนยอดเขาเดียวกับศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ รัชกาลที่ ๕ ทรงอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ จากศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่เราสามารถเดินขึ้นไปตามบันได เป็นการตามรอยเสด็จรัชกาลที่ ๕ ได้ หากเดินต่อขึ้นไปจากมณฑปรอยพระพุทธบาท จะถึงบนยอดเขาที่เป็นจุดชมทิวทัศน์ทะเลได้โดยรอบ
หาดถ้ำเขาพัง
ชายหาดกว้างที่แสนสงบบนเกาะตั้งอยู่ด้านตะวันตกของเกาะ ทรายละเอียด น้ำใส หากอยากเปลี่ยนบรรยากาศมาเล่นน้ำแนะนำให้ไปช่วงแดดร่มลมตก ว่ายเย็น ๆ หลังจากเหนื่อยจากการเดินทางตากแดดมาในช่วงเที่ยง
ช่องเขาขาด
จุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดของเกาะ เพราะมีแหลมมหาวชิราวุธยื่นออกไปในทะเล คล้ายกับแหลมพรหมเทพ ในอดีตเคยเป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับชมทิวทัศน์ของรัชกาลที่ ๕
ที่พักบนเกาะสีชังมีอยู่หลายแห่งให้เลือกกระจายตัวกันอยู่ทั่วเกาะ วันนี้เราขอนำเสนอที่พักใหม่ล่าสุดบนเกาะ นั่นคือ Somewhere : เกาะสีชัง โรงแรมในเครือเดียวกับ Kantary hotel นั่นเอง
การเดินทางไป Somewhere สีชัง
อย่างที่เกริ่นเอาไว้ว่าการเดินทางมาที่ Somewhere นั้นเราสามารถจอดรถเอาไว้ที่ Kantary Bay ศรีราชาได้ แถมเข้าใช้บริการพื้นที่รับรองระหว่างการรอรถไปส่งที่ท่าเรือได้ด้วย จากนั้นจึงข้ามเรือราว 45 นาที ค่าโดยสาร 50 บาท จะมีรถมารับที่ท่าเรือเลย โดยใช้เวลาในการเดินทางแค่ 5 นาทีเท่านั้น ค่าโดยสารประมาณ 50 บาท
ตัวโรงแรม Somewhere มีการตกแต่งเป็นเรือนไม้เน้นสีสว่างขาวฟ้า ให้บรรยากาศสดชื่น และดูสบายตา สมกับที่เป็นโรงแรมบนเกาะ และถึงแม้ขนาดโรงแรมจะไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากนัก มีห้องพักราว 20 ห้อง แต่ก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งห้องอาหาร สวนพักผ่อน และสระว่ายน้ำ
ส่วนต้อนรับของที่นี่มีขนาดไม่ใหญ่โต แต่เน้นบรรยากาศเป็นกันเอง ตกแต่งภาพในด้วยของตกแต่งร่วมสมัย และกระเบื้องลวดลายสวยงาม มีพนักงานคอยอำนวยความสะดวกตลอดเวลา
ส่วนกลางทั้งสวน ห้องอาหาร และสระว่ายน้ำถือว่ามีขนาดกำลังดีสำหรับ 20 ห้องนอน ช่วงที่ไปพักมีแขกพอสมควร แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัดเลย ที่เราชอบเป็นพิเศษคือบันไดของโรงแรมที่มีการตกแต่งลูกตั้งของบันไดได้อย่างสวยงาม ดูเพลินตามาก แถมบรรยากาศทางเดินเข้าไปที่อาคารที่พักยังดูร่มรื่นด้วยการประดับไม้สีเขียวดูสดชื่น ตัดกันกับสีขาวของตัวอาคารได้อย่างดี ไวไฟของโรงแรมก็ใช้ได้ดี สามารถขอ Password วันต่อวันได้จากพนักงานที่เคาน์เตอร์เช็คอินเลย
ส่วนห้องนอน ขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่ กำลังพอดีสำหรับ 2-3 คน ตกแต่งเรียบง่ายเน้นความโปร่งโล่งสบายเหมือนกับตัวโรงแรมโดยรวม ใช้สีขาวเป็นหลัก ไม่หวือหวาแต่อยู่สบาย ส่วนห้องน้ำมีชุดอาบน้ำให้พร้อมตามมาตรฐานโรงแรมในเครือ จุดเด่นของที่นี่น่าจะเป็นบรรยากาศบ้านพักแบบตากอากาศ เงียบ สงบ เรียบง่าย และสวยงาม เหมาะกับการพักผ่อนวันหยุดสุดสัปดาห์
สนนราคาโปรโมชั่นต่อห้องเริ่มต้นที่ 2,200 บาท สามารถโทรจองได้ที่ (+66) 038 109 400 หรือ http://www.somewherehotel.com
สีชังเป็นเกาะเล็ก ๆ แต่ก็มีร้านอาหารอร่อย ๆ หลายร้านอยู่เหมือนกัน เราขอแนะนำร้านที่เราได้มีโอกาสไปลิ้มลองในช่วงสามวันของการเดินทางให้ได้ไปตามรอยกัน
SOMEWHERE
ห้องอาหารของโรงแรม SOMEWHERE ให้บริการทั้งอาหาร ไทย และตะวันตก ทั้งช่วงเช้า กลางวันและเย็น ช่วงเย็น ๆ จะเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติจอง Dinner กันมาเยอะเลย เพราะที่นี่บรรยากาศดี แถมมีไวน์รสชาติดีให้บริการด้วย ที่สำคัญอาหารราคาไม่แพง จานหลักอย่างข้าวผัดทะเลโป๊ะแตกเริ่มที่ร้อยกว่าบาทเท่านั้น หรือพิซซ่าก็ราคาถาดละ 300 บาท อาหารจานเด็ดที่เราแนะนำก็คือ สปาเกตตี้สองสีขี้เมาผัดทะเลที่รสจัด ไม่หวงเครื่องจัดมาเต็มในราคา 180 บาท และ Grill pork chop with mushroom sauce เสิร์ฟพร้อมมันฝรั่งทอดและผักสดที่ราคาจานละ 200 บาท หรือถ้าจะสั่งสลัดมาเป็นเครื่องเคียงก็มี Salade Nicoise ราคา 150 บาทที่เราแนะนำ
ถ้าจะตบท้ายลองของหวานอย่าง Oh Lah La Honey Toast ก็อร่อยได้ในราคา 160 บาท เครื่องดื่มต่าง ๆ อย่าง Italian soda ก็ราคาราว 70 บาท
สารภีก๋วยเตี๋ยวหมู
ร้านก๋วยเตี๋ยวดั้งเดิมบนเกาะ อยู่ตรงข้ามกับโรงแรียนประจำเกาะ ขายต้มยำ เย็นตาโฟ รสชาติดี ราคาไม่แพง นั่งสกายแลปเที่ยวหิว ๆ เหนื่อย ๆ ก็แวะชิมกันได้
เหนือชั้น
ร้านอาหารที่เน้นยำ ๆ รสจัดจ้าน ทั้งแมงกะพรุน เห็ด หมูยอ แหนม ใครชอบรสจัดหรือชอบนั่งชิลยามค่ำคืนก็จัดกันไปได้เลย
ตลาดกลาง
ตลาดใกล้กับโรงแรม Somewhere มีร้านแผงลอยหลายร้าน ขายตั้งแต่เช้ายันค่ำ ทั้งข้าวเหนียว หมูปิ้ง ผัดไท ก๋วยจั๊บ กาแฟ เดินเลือกซื้อได้ตามอัธยาศัย อิ่มท้องในราคาสบายกระเป๋า หรือจะซื้อติดตัวไปแล้วนั่งเล่นตามชายทะเลก็ได้
และนั่นคือสีชังที่เราได้สัมผัสมาในเวลา 3 วัน 2 คืน และเราอยากจะบอกต่อให้ทุกคนลองไปเยือนดู แล้วจะรู้ว่า เกาะเล็ก ๆ แห่งนี้มีอะไรมากกว่าที่คิดมากมายนัก
